หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เคยถูกจัดให้เป็นหุ้นชั้นดี เหมาะสำหรับการถือลงทุนระยะยาว โดยนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศต้องมีในพอร์ต แต่ ล่าสุดหุ้นกลุ่มธนาคารกลายเป็นกลุ่มที่นักลงทุนเมิน แม้ราคาจะปรับตัวลงมาลึกก็ตาม
สภาธุรกิจตลาดทุนไทยแถลงถึงผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุน เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ล่าสุด ระบุว่า หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจน้อยที่สุด เนื่องจากความกังวลผลประกอบการและปัญหาหนี้เสีย
2-3 ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มธนาคารอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว เนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจซบเซา ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสีย ฉุดให้ผลประกอบการชะลอตัว และถูกซ้ำเติมจากวิกฤตเชื้อไวรัสโควิด-19 จนกังวลกันว่า ปัญหาหนี้เสียในระบบธนาคารจะพุ่งขึ้น
แม้หุ้นกลุ่มธนาคารโดยรวมจะปรับตัวลงมาประมาณ 40% แต่แนวโน้มผลกำไรที่ทรุดลง ทำให้นักลงทุนมองข้ามกลุ่มแบงก์ ไม่กล้าช้อนเก็บ ขณะที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่มีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุน เพราะมีความเสี่ยงที่ราคาจะปรับฐานลงอีก
ผลประกอบการกลุ่มธนาคารไตรมาสแรกปี 2563 มีกำไรสุทธิ 4.41 หมื่นล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน 18.20% และคาดว่า ปีนี้ผลกำไรโดยรวมมีจำนวนประมาณ 1.2 ล้านบาท ลดลงจากปี 2562 ซึ่งมีกำไรสุทธิประมาณ 2 แสนล้านบาท
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.5% ของสินเชื่อโดยรวม ทำให้กลุ่มธนาคารมีภาระในการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น
นักลงทุนกำลังเฝ้าจับตาผลประกอบการกลุ่มธนาคารในไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะประกาศกันสัปดาห์หน้า โดยนักวิเคราะห์โบรกเกอร์สำนักต่างๆ คาดหมายว่า กำไรจะทรุดหนักกว่าไตรมาสแรก และแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อหุ้น หลังการประกาศงบการเงินไตรมาสที่ 2
เพราะราคาหุ้นจะปรับฐานรับข่าวร้าย จึงเป็นโอกาสในการซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาว แต่ยังไม่แนะนำการเก็งกำไรระยะสั้น เพราะหุ้นกลุ่มธนาคารคงไม่ฟื้นง่ายๆ โดยยังถูกกดดันจากปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยค่า พี/อี เรโช เฉลี่ยประมาณ 6 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ระหว่าง 6%-8% เพียงแต่ปัจจัยพื้นฐานที่เห็นเป็นภาพสะท้อนของผลประกอบการในอดีต
แต่นักลงทุนกำลังมองผลประกอบการปัจจุบัน และแนวโน้มผลกำไรในอนาคต ซึ่งไม่สดใสนัก เพราะธุรกิจธนาคารยังจมพิษ “โควิด-19” อยู่ มีความเสี่ยงจากปัญหาหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำไรที่จะชะลอตัวต่อเนื่อง
ปัจจัยพื้นฐานที่ดูดี และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาลึกจึงไม่อาจสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุน แห่กลับเข้าไปลุยหุ้นกลุ่มธนาคาร
สัปดาห์หน้า ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 11 แห่งในตลาดหลักทรัพย์จะเริ่มทยอยผลประกอบการไตรมาสที่ 2 โดยนักวิเคราะห์ทุกสำนักทำนายว่า แนวโน้มกำไรจะทรุดหนักกว่าไตรมาสแรก และจะถูกเทขายอีกระลอก
นักลงทุนที่ยังสนใจหุ้นกลุ่มธนาคาร และมองว่าราคาปรับฐานจนสะเด็ดน้ำ ซึมซับรับข่าวร้ายหมดแล้ว อาจเป็นจังหวะที่จะช้อนซื้อหุ้นต้นทุนต่ำ
แต่นักลงทุนที่มองว่า หุ้นธนาคารเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะเลือกลงทุน เพราะยังมีความเสี่ยงจากผลกระทบหนี้เสีย คงต้องเว้นวรรคหุ้นกลุ่มแบงก์
ปล่อยให้กลุ่มธนาคารเป็นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีที่ในระยะสั้นไม่ควรเข้าไปแตะต้องเหมือนหลายปีที่ผ่านมา