วายแอลจีเผยตลาดทองคำคึกคักหลังราคาพุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปี ที่ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เหตุนักลงทุนเน้นลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยหลังตัวเลขผู้ติด COVID-19 ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นต่อเนื่อง มองระยะยาวยังมีโอกาสไปต่อ ส่วนในระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไร ชี้ราคาปรับตัวลงเป็นโอกาสเข้าซื้อ
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า ราคาทองคำทั้งในตลาดโลกและในประเทศปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2563 ราคาปรับขึ้นไปอยู่ระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งถือว่าปรับขึ้นมาจากต้นปีแล้วเกือบ 20% โดยราคานี้ถือเป็นราคาที่ปรับขึ้นมาสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปี เท่ากับระดับราคาในเดือนกันยายน 2554
สำหรับการปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยังคงมาจากปัจจัยความวิตกหลังตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งต่อเนื่อง ล่าสุด Johns Hopkins University ระบุว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งแตะ 60,021 ราย ในวันอังคารที่ 7 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ทำให้ผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ ทะยานขึ้นสูงกว่า 3 ล้านราย ด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนยังคงย่ำแย่จากประเด็นจีนเตรียมกำหนดข้อจำกัดวีซ่าต่อพลเมืองสหรัฐฯ เพื่อเป็นการตอบโต้กรณีเปิดประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในทิเบต รวมถึงเรื่องความมั่นคงในฮ่องกง จึงทำให้มีแรงเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากมีการผลิตวัคซีน COVID-19 สำเร็จก็อาจเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาทองคำปรับลดลงมาได้
การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในขณะนี้ อาจทำให้นักลงทุนบางส่วนมีข้อจำกัดในด้านการลงทุน เพราะราคาที่สูงขึ้นทำให้ต้องใช้เงินลงทุนในการลงทุนทองคำแท่งที่สูงขึ้นตาม อย่างไรก็ดี นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนทองคำผ่านตลาด TFEX ทั้งในแบบโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงิน ส่วนนักลงทุนที่มีความคุ้นเคยในการลงทุนในรูปของเงินบาทนั้นก็สามารถลงทุนผ่านโกลด์ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) ได้เช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้แม้จะเป็นการซื้อขายด้วยเงินบาทแต่สามารถเป็นทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยง สำหรับการลงทุนในทองคำและกลุ่มร้านทอง
ที่สำคัญคือ การลงทุนผ่าน TFEX ยังใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง เพราะวางเงินลงทุนเพียงไม่ถึง 1 ใน 10 ของมูลค่าสัญญา เช่น หากนักลงทุนทำการลงทุนในทองคำแท่งมูลค่า 10 บาททองคำ ต้องใช้เงินลงทุนมากกว่า 260,000 บาท แต่ถ้าลงทุนใน TFEX จะใช้เงินลงทุนไม่ถึง 20,000 บาท และหากในอนาคตราคาทองคำปรับขึ้นไปตามที่ลงทุนไว้ ก็สามารถทำกำไรได้ อีกหนึ่งความพิเศษของการลงทุนใน TFEX คือสามารถทำได้ทั้งสภาวะที่ราคาทองเป็นขาขึ้น และขาลง
สำหรับคำแนะนำการลงทุนในช่วงนี้ มองว่าราคาทองยังแกว่งตัวขึ้น แต่ระยะสั้นแนะนำหาจังหวะขายทำกำไรช่วงราคา 1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาผ่านได้ให้รอขายที่แนวต้านถัดไปที่ 1,831 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนแนวรับหากราคาทองคำปรับตัวลดลงให้ทยอยเข้าซื้อ 1,800-1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแนวรับถัดไปที่ 1,777 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนใน TFEX ควรตั้งจุดตัดขาดทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากราคาที่อาจผันผวนได้ โดยแนะนำตั้งจุดตัดขาดทุนสถานะซื้อหากราคาหลุด 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไป