xs
xsm
sm
md
lg

JLL เผยไทยเลื่อนสถานะสู่กลุ่มตลาดอสังหาฯ โปร่งใส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล ประเทศไทย
“โจนส์แลง” เผยไทยเลื่อนสถานะเข้าสู่กลุ่มตลาดอสังหาฯ โลกที่มีความโปร่งใส หลัง 6 ประเทศเอเชียแปซิฟิกรวมทั้งไทย ติดกลุ่ม 10 ประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาฯ ปรับดีขึ้นมากที่สุดในโลก

รายงานดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกประจำปี 63 ซึ่งจัดทำและเผยแพร่โดย เจแอลแอล เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับการปรับสถานะขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่ตลาดอสังหาฯ ที่มีความโปร่งใสเป็นครั้งแรก จากที่เคยอยู่ในกลุ่มตลาดอสังหาฯ ที่มีความโปร่งใสปานกลางตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังจัดเป็นประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใสปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของโลก

นางสุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ เจแอลแอล ประเทศไทย กล่าวว่า การมีข้อมูลตลาดอสังหาฯ และความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตลาดอสังหาฯ ไทยมีดัชนีความโปร่งใสปรับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การปรับปรุงกฎระเบียบด้านต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ มีส่วนช่วยให้ตลาดมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้นไปอีก เช่น การยกระดับมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อ ข้อกำหนดให้มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น ตลอดไปจนถึงการเปิดรับฟังความเห็นจากสาธารณะอย่างกว้างขวางสำหรับร่างผังเมืองใหม่กรุงเทพมหานครฉบับใหม่ ซึ่งเดิมมีกำหนดจะประกาศใช้ในปีนี้ แต่เพิ่งมีการประกาศเลื่อนออกไปเป็นปี 64

“รายงานดังกล่าวมีเกณฑ์การวัดค่าดัชนีความโปร่งใสโดยพิจารณาจากปัจจัยหรือตัวแปรด้านต่างๆ แจ้งว่า ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียแปซิฟิก เป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวดีขึ้นของค่าดัชนีความโปร่งใสมากที่สุด โดยเฉพาะจากปัจจัยในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม และการใช้เทคโนโลยี ทั้งนี้ จาก 10 ประเทศที่มีดัชนีความโปร่งใสปรับตัวดีขึ้นมากที่สุดในโลก มี 6 ประเทศที่อยู่ในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ จีน ไทย อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยในส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า ประเทศที่มีการเลื่อนสถานะขึ้น ได้แก่ ไทย ซึ่งปรับขึ้นจากที่เคยอยู่ในกลุ่มตลาดที่มีความโปร่งใสปานกลางไปอยู่ในกลุ่มตลาดโปร่งใส และเวียดนามออกจากกลุ่มตลาดโปร่งใสต่ำขึ้นไปอยู่ในกลุ่มตลาดโปร่งใสปานกลาง” นางสุพินท์ กล่าวและว่า ในขณะนี้ มีเม็ดเงินที่พร้อมเข้าลงทุนในตลาดอสังหาฯเอเชียแปซิฟิกรวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 40,000 ล้านดอลลาร์

เรจินา ลิม หัวหน้าฝ่ายวิจัย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของเจแอลแอล กล่าวว่า แม้สถานการณ์โรคระบาดจะส่งผลให้กิจกรรมการลงทุนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หยุดชะงัก ความต้องการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์จะยังคงมีอยู่ต่อไป โดยพบว่า ยังมีนักลงทุนจำนวนมากที่มีแผนลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเอเชียแปซิฟิกเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ความโปร่งใสของตลาดจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก

โดย หนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่มีผลต่อระดับความโปร่งใสของตลาดอสังหาริมทรัพย์คือการมีข้อมูลตลาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยีด้านอสังหาริมทรัพย์ หรือ proptech แพร่หลายมากขึ้นในการบริหารจัดการและเผยแพร่ข้อมูล ทั้งนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีส่วนอย่างมากในเร่งให้มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มากขึ้นในการบริหารจัดการข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ การเคลื่อนย้ายของผู้คน และการใช้พื้นที่ เพื่อให้สามารถจัดเก็บและเผยแพร่ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

คริส ฟอสสิค ซีอีโอภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเจแอลแอล.กล่าวว่า การปรับปรุงกฎระเบียบโดยภาครัฐฯ และการดำเนินการต่างๆ ของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดระดับความโปร่งใสของตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อไป โดยเฉพาะในสถานการณ์โควิด-19 ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นที่ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะต้องร่วมทำงานกับภาครัฐอย่างใกล้ชิดเพื่อยกระดับความโปร่งใส และสอดรับต่อความคาดหวังของนักลงทุนที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า

เจแอลแอลได้จัดทำรายงานดัชนีความโปร่งใสตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกนับตั้งแต่ปี 42 โดยรายงานประจำปีนี้ เป็นฉบับที่ 11 ครอบคลุม 163 เมืองใน 99 ประเทศและเขตปกครอง เกณฑ์การวัดค่าดัชนีความโปร่งใสพิจารณาจากตัวแปรต่างๆ 210 ตัวแปร ซึ่งรวมถึงตัวแปรใหม่ที่เพิ่มเข้ามา เช่น การพัฒนาอย่างยั่งยืน ความสามารถในการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลง สุขภาพ-ความเป็นอยู่ที่ดี และการใช้เทคโนโลยีเพื่ออสังหาฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น