!!...ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่ คือ ประเทศไทย เพราะบนแผ่นดินไทยของเรานี้ คนไทยกลับเป็นผู้ถือครองสัดส่วนรายได้จากธุรกิจการซื้อขายที่ดินและอสังหาฯ ในประเทศเพียงน้อยนิด จากมูลค่าการซื้อขายที่ดินและอสังหาฯ ที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อปีนับแสนล้านบาท ทั้งที่ประเทศ ไทยเป็นแผ่นดินเกิดของเรา เป็นแผ่นดินและเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเรา ซึ่งเป็นคนไทยน่าจะรู้จักและคุ้นเคยมากกว่า หรือดีกว่าชาวต่างชาติ
“ปัญหาที่ทำให้นายหน้าฯคนไทยถือครองสัดส่วนรายได้จาการซื้อขายอสังหาฯ ในประเทศไทยน้อยกว่าชาวต่างชาติ คือ การขาดระบบการดำเนินงานที่น่าเชื่อถือ การขาดความน่าเชื่อถือของนายหน้าคนไทย เนื่องจากไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ หรือไม่มีไลเซนส์ (ใบรับรองวิชาชีพ) ทำให้ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกันนายหน้าต่างชาติที่มีไลเซนส์”
นายประวิทย์ อนุศิริ นายกสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า นับจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน คนไทยที่เป็นนายหน้าอสังหาฯ มีจำนวนนับไม่ได้ เพราะทุกคนสามารถที่จะเป็นนายหน้าได้ทุกคน เพราะไม่มีกฎหมายข้อใดห้ามหรือมีข้อจำกัด ขอเพียงมีทรัพย์ไปเสนอขายลูกค้าก็สามารถเป็นนายหน้าซื้อขายอสังหาฯ ได้ แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่คนไทยก็มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ เพียงแค่ 30% จากตลาดรวมนายหน้าฯ ส่วนรายได้อีกว่า 70% อยู่ในมือบริษัท หรือนายหน้าอสังหาฯ ชาวต่างชาติ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนายหน้าฯที่เป็นคนไทยขาดระบบที่มีมาตรฐานขาดศักยภาพ และได้รับความเชื่อถือน้อยกว่า และอาชีพนายหน้าในประเทศไทยไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น หน่วยงานรัฐ ต่างจากนายหน้าฯชาวต่างชาติที่มีระบบ มีมาตรฐาน มีไลเซนส์ (ใบรับรองวิชาชีพ) ซึ่งทำให้ได้รับความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเข้าไปประกอบอาชีพนายหน้าฯในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
นายพนดล ปิยะตระภูมิ ผู้อำนวยการสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์กรมหาชน) หรือ สคช. กล่าวว่า อาชีพการซื้อ-ขายอสังหาฯ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษารายละเอียด หากไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ อาจทำให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ และที่สำคัญผู้ประกอบอาชีพนายหน้าฯต้องมีความน่าเชื่อถือซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า ดังนั้น การที่สมาคมนายหน้าอสังหาฯ มีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับ สคช. จึงเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาและยกระดับวิชาชีพ และมาตรฐานอาชีพคุณภาพให้เทียบเท่าสากล และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
โดยเฉพาะหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะมีแรงขับเคลื่อนให้เกิดการซื้อขายอสังหาฯ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น นายหน้าอสังหาฯ จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภค สร้างความมั่นใจจากการที่มีที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญคอยช่วยเหลือในทุกขั้นตอน และที่สำคัญ คือ ช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงการซื้อขาย โดยเฉพาะในการซื้อขายบ้านมือสอง
สำหรับความร่วมมือของสมาคมนายหน้าและ สคช.นั้นมีการจัดหลักสูตรการอบรมวิชาชีพ และจัดให้มีการสอบประเมินมาตรฐานอาชีพและคุณวุฒิวิชาชี 8 ระดับซึ่งได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยผู้ผ่านการสอบประเมินในทุกระดับจะได้รับการรับรองจาก สคช. ปัจจุบันมีสมาชิกสมาคมนายหน้าอสังหาฯ และนายหน้าทั่วไปผ่านการสอบประเมินในหลักสูตรคุณวุฒิวิชาชีพแล้ว 3,700 ราย และเพื่อยกระดับวิชาชีพนายหน้าอสังหาฯ ไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานการรับรองของ สคช. ผู้ที่ผ่านการประเมินจะได้รับการเชื่อมโยงฐานข้อมูลคุณวุฒิวิชาชีพนายหน้าอสังหาฯ ลงระบบออนไลน์ในช่องทางเว็บไซต์ TERRABKK.COM ซึ่งจะทำให้การประกาศเสนอขายทรัพย์มีความน่าเชื่อถือ และเพิ่มช่องทางทางการขายให้แก่นายหน้ามืออาชีพมากยิ่งขึ้น
“ก่อนหน้านี้ในการหาลูกค้านายหน้าจะต้องโทร.ไปหาลูกค้า แต่เมื่อนายหน้ามีการโพสต์บนเว็บไซต์หรือโซเชียล ลูกค้าเห็นว่านายหน้าอสังหาฯ มีใบประกาศการันตี ได้รับการรับรองจากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ ลูกค้าก็กล้าที่จะโทร.เข้ามาติดต่อนายหน้าด้วยตัวเอง ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นและไว้ใจจากลูกค้ามากขึ้น” หนึ่งในสมาชิกสมาคมนายหน้าที่ผ่านการสอบประเมินและได้รับการรับรองจาก สคช.กล่าว
น.ส.สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์คอนชัลติ้ง จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์ TERRABKK.COM กล่าวว่า www.terrabkk.com/agent จะเป็นช่องทางบริการด้านอสังหาฯ สำหรับนายหน้าอสังหาฯ ที่ได้รับการรับรองจาก สคช. ให้สามารถเข้าลงทะเบียนใช้บริการ Web Page Terrabkk ได้ฟรี เพื่อสร้างโปร์ไฟล์บนระบบออนไลน์เพิ่มความน่าเชื่อถือ ยกระดับมาตรฐานนายหน้า โดยนายหน้าที่ลงทะเบียนในโครงการจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม 4 อย่างคือ 1.สมัครสมาชิกฟรี 2.โฆษณาปักหมุดนายหน้าแนะนำฟรี 1 เดือน 3.ลงประกาศ 20 ทรัพย์ฟรี 3 เดือน และ 4.เข้าร่วมการจัดกิจกรรมของ Terrabkk ฟรี หรือราคาพิเศษรอบ VIP
สำหรับความร่วมมือที่เกิดขึ้น Terrabkk จะทำงานให้แก่สมาคมนายหน้า โดยเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้แก่สมาชิกนายหน้าที่ผ่านการรับรองจาก สคช. ในการนำเสนอขายทรัพย์ผ่านเว็บไซต์ Terrabkk ขระเดียวกัน ก็เป็นช่องทางอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการใช้บริการนายหน้าในการค้นหาและซื้อขายทรัพย์ ซึ่งผู้บริโภคสามารถระบุได้ว่าต้องการนายหน้าในระดับใดไปช่วยในการซื้อขายทรัพย์ให้ ซึ่งปัจจุบันมีนายหน้าที่ผ่านมาการสอบประเมินและได้รับการรับรองจาก สคช. มาสร้างโปรไฟล์ในระบบแล้วจำนวนมาก โดยนายหน้าที่ผ่านการสอบประเมินระดับสูงสุดที่ระดับ 4 จาก 8 ระดับที่เข้ามาสร้างโปรไฟล์ในขณะนี้ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีความเชี่ยวชาญในแต่ละทำเลต่างกันไป ซึ่งก็จะเป็นผลดีสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อขายทรัพย์ในทำเลนั้นๆ
ขณะเดียวกัน Terrabkk ในฐานะที่เป็นเว็บไซต์บริการโฆษณาขายทรัพย์ ทำให้มีผู้บริโภคที่ต้องการเสนอขายทรัพย์นำทรัพย์มาลงขายในระบบอีกจำนวนมาก โดยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา มีผู้บริโภคนำทรัพย์มาฝากขายหรือโฆษณาขายผ่านเว็ลไซต์ Terrabkk เกือบ 2 ล้านหน่วย ขณะที่ในปี 2563 นี้ Terrabkk มีทรัพย์ฝากทรัพย์ขายในระบบกว่า 3 แสนหน่วย ซึ่งในจำนวนนี้หากเป็นทรัพย์เก่าที่ไม่มีการ Active ก็จะถูกปลดออกไป อย่างไรก็ตาม ในจำนวนผู้บริโภคที่มีการนำทรัพย์มาฝากขายบนเว็บไซต์ Terrabkk มีบางส่วนที่ทำอาชีพนายหน้าอยู่แต่ไม่มีใบรับรองหรือขาดศักยภาพ ขาดทักษะในการประกอบอาชีพนายหน้าแบบมืออาชีพ ทางบริษัทก็จะมีการแนะนำหรือผลักดันให้ผู้บริโภคเหล่านี้เข้าไปสมัครสอบประเมินในหลักสูตรดังกล่าว ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับวิชาชีพนายหน้าได้อีกทางหนึ่ง และเมื่อผ่านการรับรองจาก สคช. แล้ว ผู้ที่ต้องการขายทรัพย์ก็สามารถเข้ามาสมัครและสร้างโปรไฟล์ในระบบ ซึ่งจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ Terrabkk ยังสามารถช่วยผู้ซื้อและผู้ขายให้สามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น เพราะการเข้าระบบจะสามารถช่วยให้เกิดการซื้อ-ขายให้สำเร็จได้เร็วขึ้น เพราะการซื้อขายโดยไม่ได้ผ่านนายหน้าจะมีปัญหาจากความล่าช้าในการดำเนินการ เพราะติดปัญหาการดำเนินการเรื่องต่างๆ เช่น การติดปัญหาการจัดการเอกสาร การติดต่อเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานราชการ ซึ่งผู้ซื้อขายไม่มีความรู้จึงไม่มีความพร้อมเท่ากับนายหน้ามืออาชีพ ซึ่งก็จะช่วยให้ตลาดคึกคักขึ้น ขยายตัวได้ดีขึ้น และทำให้เกิดการหมุนเวียนทรัพย์ในตลาดได้เร็วขึ้น ซึ่งปกติแล้วบ้านมือสองในตลาดในกรณีที่ขายหรือดำเนินการกันเองจะใช้ระยะเวลากว่า 6 เดือน แต่หากมีนายหน้าเข้ามาช่วยจะลดเวลาในการซื้อขายลงไปได้มากกว่า 3-4 เดือน ซึ่งจากการเก็บข้อมูลของ Terrabkk พบว่า ทรัพย์ที่ขายโดยนายหน้านั้นจะใช้ระยะเวลาในการขายไม่นาน เมื่อเทียบกับเจ้าของทรัพย์เป็นผู้ขายด้วยตัวเอง เนื่องจากนายหน้ามีฐานข้อมูลและมีเครือข่าย ซึ่งในกรณีนี้ระบบของ Terrabkk ก็จะช่วยให้เจ้าของทรัพย์กับนายหน้าได้พบกันหรือร่วมธุรกิจกันได้
“อย่ากังวลหรือมองว่าค่านายหน้า 3% นั้นสูงเกินไป แต่ให้มองเป็นค่าบริการและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน เพื่อลดปัญหาและความเสี่ยงในการถูกหรอกจากมิจฉาชีพ ในบางกรณีค่านายหน้าที่ดำเนินการเองทั้งหมดอาจประสบปัญหาค่าเซอร์วิสชาร์จมากกว่าค่านายหน้าก็มีจำนวนไม่น้อย”
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ นับตั้งแต่Terrabkk เปิดให้บริการฝากขายทรัพย์มานานกว่า 6 ปี พบว่าการค้นหาทรัพย์ และการซื้อขายทรัพย์ มีจำนวนการค้นหาและการซื้อขายทรัพย์ขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากจำนวนทรัพย์ที่ฝากขายมีจำนวนเพิ่มขึ้น จำนวนการค้นหาทรัพย์จึงเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย ซึ่งส่งผลให้จำนวนผู้เข้าใช้งานในเว็บไซต์เติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี ทั้งนี้ แม้ว่า Terrabkk จะเป็นเว็บไซต์ให้นำเสนอข่าวอสังหาฯ นำเสนอทรัพย์ในโครงการใหม่ และนำเสนอทรัพย์มือสอง แต่การขยายตัวในการเข้าชมโดยมากเกิดจากการค้นหาทรัพย์มือสองเป็นหลัก สะท้อนให้เห็นว่าตลาดบ้านมือสองมีอัตราการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง
น.ส.สุมิตรา กล่าวว่า รายงานสถานการณ์การตลาดบ้านมือสองจากฐานข้อมูลการเข้าชมเว็บไซต์ Terrabkk พบว่า ราคาขายที่อยู่อาศัยมือสองในปี 63 มีราคาทรงตัวจากปี 62 ที่ผ่านมา จากปกติราคาขายที่อยู่อาศัยมือสองจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-5% ต่อปี ทั้งนี้ ในส่วนของราคาขายคอนโดมิเนียมมีสองในปี 63 นี้ มีช่วงราคาขายห่างจากคอนโดฯ ใหม่ในทำเลเดียวกันอยู่ที่ 17% จากปกติช่วงราคาขายของคอนโดฯ มือสองในทำเลเดียวกันจะห่างจากราคาขายคอนโดฯ ใหม่อยู่ที่ 25% สาเหตุที่ช่วงราคาขายของคอนโดฯ ใหม่และคอนโดฯ มือสองแคบลง เนื่องจากมีการลดราคาขายคอนโดฯ พร้อมอยู่โครงการใหม่ลดลงเพื่อระบายสต๊อกให้เร็วขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้คอนโดฯ มือสองได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากการถูกแชร์ตลาดโดยคอนโดฯ ใหม่พร้อมอยู่
ขณะที่กลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวมือสองในปี 63 นี้ มีช่วงราคาขายห่างจากบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ (ราคาถูกกว่าบ้านใหม่) อยู่ในระดับ 30% ซึ่งถือว่าเป็นช่วงราคาขายที่ปกติ เนื่องจากผู้ประกอบการกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวไม่ได้มีการปรับลดราคาขายในปีนี้ลง ส่วนกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภททาวน์เฮาส์มือสอง ปัจจุบันมีช่วงราคาขายห่างจากทาวน์เฮาส์โครงการใหม่ 27% ซึ่งถือว่าเป็นช่วงห่างที่อยู่ในระดับปกติ สะท้อนให้เห็นทาวน์เฮาส์มือสองยังสามารถขยายตัวได้ดีหรือไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด