“สมคิด” สั่ง สสว.ขอ ครม. 50,000 ล้าน อัดฉีดสภาพคล่องเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตรวจเยี่ยมและประชุมมอบนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยสั่งการให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ช่วยเหลือผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยมอบหมายให้ สสว.ทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ เพื่อขออนุมัติงบประมาณ จำนวน 50,000 ล้านบาท จากงบเยียวยา เพื่อตั้งกองทุนของ สสว.ที่จะนำมาช่วยเหลือผู้ประกอบการ คาดว่าเงินก้อนแรกจะสามารถนำมาช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ประมาณ 500,000 ราย และรัฐบาลมีความตั้งใจว่านอกจากวงเงิน 50,000 ล้านบาทก้อนแรกแล้ว ยังจะช่วยเหลืออีก 50,000 ล้านบาท รวมเป็น 100,000 ล้านบาท
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) คาดว่ากองทุนฯ จะเริ่มช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ภายใน 1 เดือนหลังจาก ครม.อนุมัติงบประมาณ โดยทาง สสว.จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยเงินกู้ ขณะที่ธนาคารของรัฐจะทำหน้าที่ปล่อยเงินกู้นี้ แต่ผู้ที่จะกู้ได้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีกิจการเป็นหลักแหล่งแน่นอน วงเงินอุดหนุนแบ่งเป็น 2 ก้อน คือ ก้อนแรก "เงินเติมพลังชีวิต" รายละไม่เกิน 100,000 บาท และอีกส่วน "การเพิ่มทุน" เพื่อเสริมสภาพคล่องไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย เงื่อนไขผ่อนปรนดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี วงเงินกู้ระยะยาวผ่อนชำระ 10 ปี อัตราการผ่อนชำระหนี้เดือนละไม่ถึง 10,000 บาท โดยพิจารณาปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่มีโอกาสและมีศักยภาพ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้าร่วมอบรมหรือพัฒนาทักษะปีละครั้งทั้งจาก สสว.หรือหน่วยงานร่วมอื่น ๆ ก็ได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องเป็นสมาชิกของภาครัฐและเอกชนอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 1 ปี เช่น เป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) หรือสมาชิกสมาพันธ์เอสเอ็มอีหรือสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ก็ได้
นอกจากนี้ สสว.จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่ปี 2562 มีมูลค่าถึง 1.3 ล้านล้านบาท หากช่วยเอสเอ็มอีมีแต้มต่อเข้าถึงได้ร้อยละ 30 จะสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการได้กว่า 400,000 ล้านบาท คาดว่ามาตรการนี้จะเสร็จภายในเดือนกันยายนถึงตุลาคมนี้
“สมคิด” สั่ง สสว.ขอ ครม. 50,000 ล้าน อัดฉีดสภาพคล่องเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตรวจเยี่ยมและประชุมมอบนโยบายช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยสั่งการให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ช่วยเหลือผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยมอบหมายให้ สสว.ทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้ เพื่อขออนุมัติงบประมาณ จำนวน 50,000 ล้านบาท จากงบเยียวยา เพื่อตั้งกองทุนของ สสว.ที่จะนำมาช่วยเหลือผู้ประกอบการ คาดว่าเงินก้อนแรกจะสามารถนำมาช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ประมาณ 500,000 ราย และรัฐบาลมีความตั้งใจว่านอกจากวงเงิน 50,000 ล้านบาทก้อนแรกแล้ว ยังจะช่วยเหลืออีก 50,000 ล้านบาท รวมเป็น 100,000 ล้านบาท
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) คาดว่ากองทุนฯ จะเริ่มช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ภายใน 1 เดือนหลังจาก ครม.อนุมัติงบประมาณ โดยทาง สสว.จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขการปล่อยเงินกู้ ขณะที่ธนาคารของรัฐจะทำหน้าที่ปล่อยเงินกู้นี้ แต่ผู้ที่จะกู้ได้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีกิจการเป็นหลักแหล่งแน่นอน วงเงินอุดหนุนแบ่งเป็น 2 ก้อน คือ ก้อนแรก "เงินเติมพลังชีวิต" รายละไม่เกิน 100,000 บาท และอีกส่วน "การเพิ่มทุน" เพื่อเสริมสภาพคล่องไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย เงื่อนไขผ่อนปรนดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี วงเงินกู้ระยะยาวผ่อนชำระ 10 ปี อัตราการผ่อนชำระหนี้เดือนละไม่ถึง 10,000 บาท โดยพิจารณาปล่อยกู้ให้กับธุรกิจที่มีโอกาสและมีศักยภาพ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเข้าร่วมอบรมหรือพัฒนาทักษะปีละครั้งทั้งจาก สสว.หรือหน่วยงานร่วมอื่น ๆ ก็ได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะต้องเป็นสมาชิกของภาครัฐและเอกชนอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 1 ปี เช่น เป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) หรือสมาชิกสมาพันธ์เอสเอ็มอีหรือสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ ก็ได้
นอกจากนี้ สสว.จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ที่ปี 2562 มีมูลค่าถึง 1.3 ล้านล้านบาท หากช่วยเอสเอ็มอีมีแต้มต่อเข้าถึงได้ร้อยละ 30 จะสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการได้กว่า 400,000 ล้านบาท คาดว่ามาตรการนี้จะเสร็จภายในเดือนกันยายนถึงตุลาคมนี้