นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ DBMS เจ้าของโรงพยาบาลกรุงเทพ ประกาศ ภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย และราคาหุ้น BH ตกต่ำ รวมทั้งยังถูกต่อต้านจากผู้ถือหุ้นกลุ่มโสภณพนิช
ฟังคำให้สัมภาษณ์ของนายแพทย์ปราเสริฐแล้ว การทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น BH ในราคา 125 บาท จะไม่เกิดขึ้นแน่ แต่เมื่อ DBMS ยังไม่มีการแจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์อย่างเป็นทางการ จึงถือว่า คำเสนอซื้อยังมีผลอยู่
ไม่น่าเชื่อว่าความผิดพลาดในการแจ้งข้อมูลที่มีนัยสำคัญต่อราคาหุ้น ทั้งหุ้น BH และ DBMS จะเกิดขึ้นได้ โดยในวันที่นายแพทย์ปราเสริฐ แถลงข่าวล้มแผนทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ BH นั้น ควรแจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ในทันที
และถ้า DBMS ไม่แจ้ง ตลาดหลักทรัพย์จะต้องสอบถามข้อมูลไปยังบริษัทฯ เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงให้นักลงทุนรับรู้ เช่นเดียวกับบริษัทจดทะเบียนทั่วไปที่มีข่าวหรือมีความเคลื่อนไหวการดำเนินกิจการที่มีผลต่อการขึ้นลงของราคาหุ้น
แต่ไม่รู้ว่าระบบการติดตามข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์เกิดปัญหาในจุดไหน จึงไม่มีการสอบถามข้อมูลการยกเลิกทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ไปยัง DBMS ทั้งที่เวลาผ่านไปหลายวันแล้ว โดยในระบบสารสนเทศของ DBMS ไม่ปรากฏข้อมูลการยกเลิกทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์แต่อย่างใด
นักลงทุนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารจากสื่อมวลชน แต่ดูข้อมูลจากสารสนเทศระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ จะไม่รู้ว่า DBMS ได้แสดงเจตนาของยกเลิกเทนเดอร์ออฟเฟอร์ BH แล้ว
DBMS แจ้งทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น BH ตั้งแต่เข้าตรู่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้น BH พุ่งขึ้นแรง โดยมีแรงซื้อเข้ามาทันทีที่เปิดตลาดการซื้อขายในวันเดียวกัน ก่อนปิดซื้อขายที่ 130 บาท เพิ่มขึ้น 18 บาท โดยนักลงทุนแห่เข้ามาเก็งกำไร โดยอิงราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์เป็นฐาน
ข่าวการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ส่งผลกระตุ้นราคาหุ้น BH เพราะการเสนอซื้อของ DBMS ในราคา 125 บาท เป็นคำเสนอซื้อแบบไม่มีเงื่อนไข โดยรับซื้อหุ้นจากนักลงทุนทั่วไปทั้งหมด
นักลงทุนที่ซื้อหุ้น BH มีหลักประกันว่า ถ้าขาดทุนจากการซื้อหุ้นบนกระดาน สามารถเก็บหุ้นไปขายให้ DBMS ในราคา 125 บาทได้ แต่เมื่อประกาศล้มเทนเดอร์ออฟเฟอร์ หมายถึงฐานราคาที่เคยเป็นหลักประกันของนักลงทุนก่อนหน้าจะถูกทำลาย ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนที่เข้ามาช้อนหุ้น BH
เหตุผลที่นายแพทย์ปราเสริฐ ล้มเทกโอเวอร์ BH เป็นเหตุผลที่รับฟังได้ เพราะผลประกอบการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เปลี่ยนไป เนื่องจากผลกระทบของ “โควิด-19” ทำให้ลูกค้าต่างชาติหายไป
แต่การประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ได้ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน ซึ่งใช้ข่าวเทนเดอร์ออฟเฟอร์ในการซื้อขายหุ้น และไม่รู้จะเรียกหาความรับผิดชอบจากใคร เช่นเดียวกับกรณีธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ประกาศใช้เงิน 16,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืน แต่ประกาศยกเลิกในภายหลัง
การประกาศ ข่าวที่มีนัยสำคัญต่อราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนและยกเลิกในภายหลัง เกิดขึ้นแล้วใน 2 กรณีใหญ่ คือกรณีซื้อหุ้นคืน โครงการของธนาคารไทยพาณิชย์ และการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น BH ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนจำนวนไม่น้อย
ตลาดหลักทรัพย์ต้องทบทวนแล้วล่ะ จะวางแนวทางป้องกันไม่ให้บริษัทจดทะเบียน ประกาศการดำเนินธุรกรรมที่มีนัยสำคัญต่อราคาหุ้น แต่ยกเลิกภายหลังได้อย่างไร เพื่อปกป้องนักลงทุนไม่ให้เกิดความเสียหายจากการสร้างข่าวกระตุ้นราคาหุ้น
ส่วนกรณี DBMS จนป่านนี้ยังไม่ได้แจ้งยกเลิกแผนเทนเดอร์ออฟเฟอร์ BH อย่างเป็นทางการ และไม่รู้ว่า ทำไมตลาดหลักทรัพย์จึงไม่ทวงถามให้ชี้แจงข้อมูล ทั้งที่เวลาล่วงเลยมาข้ามสัปดาห์แล้ว