ธอส.ส่งมอบสายคล้องหน้ากากอนามัย จำนวน 60,000 ชิ้น ให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตามโครงการ “ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส.” พร้อมมอบเงินสนับสนุน จำนวน 100,000 บาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่จำเป็นทางการแพทย์
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้จัดโครงการ “ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส.” ตามนโยบายของนายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการ ธอส. เพื่อให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของ ธอส. ทั่วประเทศ หน่วยงานพันธมิตร ผู้สูงอายุหรือผู้พิการในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนที่ธนาคารให้การสนับสนุน รวมพลังประดิษฐ์สายคล้องหน้ากากอนามัย จำนวน 1,000,000 ชิ้น เพื่อมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนนำไปคล้องหน้ากากอนามัย เพื่อบรรเทาปัญหาการบาดเจ็บจากการถูกสายรัดหน้ากากอนามัยกดทับเป็นเวลานานระหว่างใส่ปฏิบัติหน้าที่นั้น
โดยภายหลังจากที่เริ่ม Kick Off โครงการตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของ ธอส. ได้ร่วมแรงร่วมใจกันประดิษฐ์สายคล้องหน้ากากอนามัยได้แล้วมากกว่า 540,000 ชิ้น โดยได้ส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ไปแล้วจำนวน 300,000 ชิ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารจึงได้จัดพิธีส่งมอบสายคล้องหน้ากากที่ผ่านการอบฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว จำนวนรวม 60,000 ชิ้น ให้แก่ 3 หน่วยงานๆ ละ 20,000 ชิ้น ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้รับมอบ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้รับมอบ และโรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.ท.ชนินทร์ ชะโยชัยชนะ นายแพทย์ (สบ 8) เป็นผู้รับมอบ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชน ได้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป พร้อมมอบเงินสนับสนุนเพื่อร่วมใจต้านภัย โควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 100,000 บาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่จำเป็นทางการแพทย์ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการอำนวยความสะดวกในการรักษาและให้บริการประชาชน รวมถึงป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้นต่อไป
“ธอส. ขอชื่นชมการทำหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ซึ่งถือเป็นกลุ่มบุคคลสำคัญที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเต็มกำลัง เพื่อดูแลรักษาให้บริการประชาชนตลอดระยะเวลาที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการ ดูแลประชาชนทุกภาคส่วนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ และเราหวังว่าการจัดทำโครงการ “ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส.” จะถือเป็นอีกหนึ่งในกำลังใจและสะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยที่ ธอส. ธนาคารบ้านของคนไทย ได้ส่งผ่านสายคล้องหน้ากากอนามัย ตามแนวคิดในการจัดทำโครงการเพื่อสังคมของ ธอส. คือ ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือความห่วงใย และจะเติมเต็มส่วนที่ขาดให้แก่คนไทย สังคมไทย เศรษฐกิจไทย และแผ่นดินไทย ในเชิงคุณภาพชีวิตของคนไทยต่อไป”
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 67 ปี ธอส. ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามควรแก่อัตภาพมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และกีฬา โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และปลุกจิตอาสาช่วยเหลือสังคมของพนักงานในองค์กร รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน และสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตอย่างยั่งยืน
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้จัดโครงการ “ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส.” ตามนโยบายของนายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการ ธอส. เพื่อให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของ ธอส. ทั่วประเทศ หน่วยงานพันธมิตร ผู้สูงอายุหรือผู้พิการในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกลุ่มผู้สูงอายุในชุมชนที่ธนาคารให้การสนับสนุน รวมพลังประดิษฐ์สายคล้องหน้ากากอนามัย จำนวน 1,000,000 ชิ้น เพื่อมอบให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนนำไปคล้องหน้ากากอนามัย เพื่อบรรเทาปัญหาการบาดเจ็บจากการถูกสายรัดหน้ากากอนามัยกดทับเป็นเวลานานระหว่างใส่ปฏิบัติหน้าที่นั้น
โดยภายหลังจากที่เริ่ม Kick Off โครงการตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2563 ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของ ธอส. ได้ร่วมแรงร่วมใจกันประดิษฐ์สายคล้องหน้ากากอนามัยได้แล้วมากกว่า 540,000 ชิ้น โดยได้ส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ไปแล้วจำนวน 300,000 ชิ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารจึงได้จัดพิธีส่งมอบสายคล้องหน้ากากที่ผ่านการอบฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว จำนวนรวม 60,000 ชิ้น ให้แก่ 3 หน่วยงานๆ ละ 20,000 ชิ้น ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้รับมอบ กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้รับมอบ และโรงพยาบาลตำรวจ โดย พล.ต.ท.ชนินทร์ ชะโยชัยชนะ นายแพทย์ (สบ 8) เป็นผู้รับมอบ เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชน ได้ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป พร้อมมอบเงินสนับสนุนเพื่อร่วมใจต้านภัย โควิด-19 ให้แก่โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 100,000 บาท เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่จำเป็นทางการแพทย์ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการอำนวยความสะดวกในการรักษาและให้บริการประชาชน รวมถึงป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้ดียิ่งขึ้นต่อไป
“ธอส. ขอชื่นชมการทำหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์ของไทย ซึ่งถือเป็นกลุ่มบุคคลสำคัญที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างทุ่มเทและเต็มกำลัง เพื่อดูแลรักษาให้บริการประชาชนตลอดระยะเวลาที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการ ดูแลประชาชนทุกภาคส่วนในช่วงวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ และเราหวังว่าการจัดทำโครงการ “ร้อยพลังเล็ก สู่ล้านพลังยิ่งใหญ่ โดย ธอส.” จะถือเป็นอีกหนึ่งในกำลังใจและสะท้อนให้เห็นถึงความห่วงใยที่ ธอส. ธนาคารบ้านของคนไทย ได้ส่งผ่านสายคล้องหน้ากากอนามัย ตามแนวคิดในการจัดทำโครงการเพื่อสังคมของ ธอส. คือ ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือความห่วงใย และจะเติมเต็มส่วนที่ขาดให้แก่คนไทย สังคมไทย เศรษฐกิจไทย และแผ่นดินไทย ในเชิงคุณภาพชีวิตของคนไทยต่อไป”
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาเกือบ 67 ปี ธอส. ได้สนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามควรแก่อัตภาพมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และกีฬา โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของชุมชน และปลุกจิตอาสาช่วยเหลือสังคมของพนักงานในองค์กร รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชน และสร้างสังคมไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเติบโตอย่างยั่งยืน