"ธนารักษ์" เผยในเดือน ส.ค.นี้ เตรียมเปิดประมูลขายที่ดินที่ถูกยึดทรัพย์หลังสิ้นสุดการพิจารณาดดียาเสพติดและฟอกเงิน รอบแรก 300 แปลง คาด จะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเปิดประมูลที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ หวังทำรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนผลการศึกษาข้อเสนอลดค่าเช่าที่ราชพัสดุให้เอกชนลง 30-50% จะมีข้อสรุปในเร็วๆ นี้
นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวถึงแผนการเปิดประมูลที่ดินที่ถูกยึดหลังสิ้นสุดการพิจารณาคดียาเสพติด และคดีฟอกเงิน ว่า กรมธนารักษ์จะเริ่มเปิดดำเนินการในเดือน ส.ค.63 เนื่องจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ส่งที่ดินดังกล่าวกลับมาให้กรมธนารักษ์ช่วยดูแลแล้ว
ทั้งนี้ เนื่องจากกรมธนารักษ์มีกำลังคนไม่เพียงพอที่จะดูแลที่ดินดังกล่าว ตนจึงได้ขอนโยบายจากนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อทำการเปิดประมูลขายที่ดินดังกล่าวออกไป โดยรอบแรกนั้นกรมธนารักษ์จะทำการเปิดประมูลที่ดินราว 200-300 แปลง โดยคาดว่าจะได้รายได้กลับเข้ามาไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท
อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงเป้าหมายการเก็บรายได้ของกรมธนารักษ์ปี 63 นั้น จะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าที่ราชพัสดุ 8-9 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่อที่อยู่อาศัยและทำการเกษตรประมาณ 25% และเป็นค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่อการพาณิชย์ประมาณ 75%
อย่างไรก็ตาม แม้การเก็บรายได้ของกรมธนารักษ์จะได้รับผลกระทบจากการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 แต่นายยุทธนา ยังเชื่อว่าจะจัดเก็บรายได้ได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้เร่งดำเนินการหารายได้ชดเชย เช่น การเปิดประมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน จังหวัดหนองคาย มุกดาหาร เนื่องจากยังมีภาคเอกชนสนใจเข้ามาร่วมพัฒนา และการนำที่ราชพัสดุริมถนนสุขุมวิทเก่า ย่านบางบ่อ บางปู ซึ่งรกร้างว่างเปล่านำกลับมาพัฒนาเชิงพาณิชย์
สำหรับที่ดินย่านสุขุมวิทเนื้อที่ 7-8 ไร่ ที่ดินซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟบางจาก 2-3 ไร่ รวมถึงตึกแถวย่านสีลม ที่ดินแถวพระราม 3 และบริเวณถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่ดินริมแม่น้ำจังหวัดนนทบุรีนั้น กรมธนารักษ์จะเปิดประมูลเพื่อให้เอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการประมูลที่ดินและประชาชนทุกคนสามารถเข้าร่วมประมูลได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ท่าข้าวกำนันทรง จังหวัดนครสวรรค์ พื้นที่กว่า 400 ไร่นั้น ยังสามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กระจายสินค้า สวนสาธารณะ และแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงสนามกอล์ฟบางพระ ที่กำหนดเป้าหมายค่าธรรมเนียมช่วงลงนามสัญญา 300 ล้านบาท และค่าเช่ารายปี 10 ล้านบาทต่อปี และยังมีท่าเรือสงขลา ค่าธรรมเนียมลงนามสัญญา 500 ล้านบาท การนำพิพิธภัณฑ์ อาคารเก่าร้อยปี ทรัพย์สินเหล่านี้นำกลับมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ และทางภาคใต้ เช่น พื้นที่บริเวณด่านชายแดนสะเดา 30 ไร่ มีศักยภาพทำประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อีกมาก
ส่วนความคืบหน้าในการศึกษาข้อเสนอของภาคเอกชนลดค่าเช่า 30-50% โดยมีเงื่อนไขห้ามปลดพนักงานต้องให้ทำงานต่อเนื่องแม้เผชิญกับปัญหาโควิด-19 นั้น อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า จะมีสรุปได้ในเร็วๆ นี้