xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดเช้าบวก 11.65 จุด ตามภูมิภาค ขานรับจ้างงานสหรัฐฯ ดี และราคาน้ำมันปรับขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดเช้าบวก 11.65 จุด ตามภูมิภาค ขานรับจ้างงานสหรัฐฯ ดี และราคาน้ำมันปรับขึ้น ส่วนเงินทุนไหลเข้า ระยะสั้นยังมีแนวโน้มเป็นบวกจากเม็ดเงินที่เข้ามาในภูมิภาคต่อเนื่อง

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค จากปัจจัยบวกตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค.ของสหรัฐฯ ออกมาสวนทางจากที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นมาก

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 5-7% ในตลาดน้ำมันต่างๆ จากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส บรรลุข้อตกลงขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปจนถึงเดือน ก.ค. จากเดิมจะสิ้นสุดในเดือน มิ.ย.นี้ รวมถึงตลาดยังมีมุมมองบวกต่อราคาน้ำมันที่น่าจะยังมี upside จากการที่ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณต้องการขยับราคาน้ำมัน หลังเมื่อวานนี้ (7 มิ.ย.) ประกาศเพิ่มราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) มายังตลาดเอเชีย สำหรับเดือน ก.ค.แบบมีส่วนเพิ่ม 0.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย.ที่มีส่วนลด 5.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คิดเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นมาถึง 6.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

กรณีดังกล่าวนับเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้นมา แต่โดยภาพรวมยังมองว่าน่าจะเป็นการเก็งกำไรเท่านั้น ทั้งในส่วนของพลังงานต้นน้ำอย่าง PTTEP และกลุ่มโรงกลั่น โดยเฉพาะในกลุ่มโรงกลั่นที่แม้ราคาน้ำมันสูงขึ้นจะเป็นบวกต่อกำไรสต๊อกน้ำมัน แต่การที่ซาอุดีอาระเบียเพิ่มราคาขายน้ำมันในตลาดเอเชียก็จะทำให้ต้นทุนกลุ่มโรงกลั่นสูงขึ้น ซึ่งจะสะท้อนมายังกำไรจากการดำเนินงานที่จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ซาอุดีอาระเบียให้ส่วนลดราคาขายน้ำมัน

ขณะที่ PTTEP แม้จะได้รับผลดีด้านจิตวิทยาทางบวกจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น แต่ในระยะต่อไปผลการดำเนินงานของ PTTEP ยังเป็นขาลงจากราคาขายก๊าซฯ ปรับลดลง และในปี 65 ที่สิ้นสุดสัมปทานเดิมในแหล่งบงกชและเอราวัณ ก็จะมีการปรับราคาขายก๊าซฯ ใหม่ซึ่งมีแนวโน้มปรับลดลงมากจากราคาปัจจุบัน

ส่วนเงินทุนไหลเข้า ระยะสั้นยังมีแนวโน้มเป็นบวกจากเม็ดเงินที่เข้ามาในภูมิภาคต่อเนื่อง โดยส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการปรับพอร์ตลงทุนจากการลดน้ำหนักในตลาดพันธบัตรหันมาเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นแทน แต่ยังคงประเมินได้ยากว่ากรณีดังกล่าวจะสิ้นสุดเมื่อใด เพราะด้วยขนาดตลาดพันธบัตรใหญ่กว่าตลาดหุ้นค่อนข้างมาก ดังนั้น การขยับขึ้นของราคาหุ้นในขณะนี้ยังต้องระวังความเสี่ยงด้วย โดยอาจจะเลือกหุ้นที่ยัง laggard หรือหุ้นที่มั่นคงและมีการจ่ายปันผลที่ค่อนข้างดี

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นไทยปิดการซื้อขายครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,447.35 จุด เพิ่มขึ้น 11.65 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.81% มูลค่าซื้อขายราว 57,050 ล้านบาท

นายกิจพณกล่าวอีกว่า การลงทุนช่วงบ่ายยังคงเป็นบวก แต่อาจจะเผชิญแรงขายทำกำไรออกมาบ้างหลังหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว มองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,440-1,454 จุด หากผ่านแนวต้านที่ 1,454 จุด ก็จะมีแนวต้านใหญ่ถัดไปที่ 1,500 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น