ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 5 มิ.ย. 2563
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุแนว 27,000 จุดเมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งทะยานขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ WTI ก่อนการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันเสาร์นี้ (6 มิ.ย.) เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายเวลาปรับลดการผลิตน้ำมัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,110.98 จุด เพิ่มขึ้น 829.16 จุด หรือ +3.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,193.93 จุด เพิ่มขึ้น 81.58 จุด หรือ +2.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,814.08 จุด เพิ่มขึ้น 198.27 จุด หรือ +2.06%
-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) และปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้มากที่สุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ หลังขานรับสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบของโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.48% ปิดที่ 375.32 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,197.79 จุด เพิ่มขึ้น 185.82 จุด หรือ +3.71%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,847.68 จุด เพิ่มขึ้น 417.12 จุด หรือ +3.36% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,484.30 จุด เพิ่มขึ้น 142.86 จุด หรือ +2.25%
-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) โดยปิดที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 เดือน และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันแล้ว เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้น หลังมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,484.30 จุด พุ่งขึ้น 142.86 จุด หรือ +2.25%
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 5% เมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะประชุมกันในวันเสาร์นี้ (6 มิ.ย.) เพื่อหารือเรื่องการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีก และราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. พุ่งขึ้น 2.14 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 39.55 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิดพุ่งขึ้น 11.4% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ส่งมอบเดือน ส.ค. พุ่งขึ้น 2.31 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 42.30 ดอลลาร์/บาร์เรล และปิดพุ่งขึ้น 11.8% ในรอบสัปดาห์นี้
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) สวนทางกับตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้น เนื่องจากนักลงทุนได้เทขายทองเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 44.4 ดอลลาร์ หรือ 2.57% ปิดที่ 1,683 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลงราว 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ก.ค. ร่วงลง 58.2 เซ็นต์ หรือ 3.22% ปิดที่ 17.479 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ก.ค. ร่วงลง 34.6 ดอลลาร์ หรือ 4% ปิดที่ 830.4 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 29.80 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 1,952.60 ดอลลาร์/ออนซ์
-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) โดยนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือน พ.ค.
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.27% สู่ระดับ 96.9360
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.60 เยน จากระดับ 109.12 เยน และดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9621 ฟรังก์ จากระดับ 0.9550 ฟรังก์ ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3432 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3505 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1294 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1347 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าแตะที่ระดับ 1.2670 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2612 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.6967 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6937 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 27,110.98 จุด เพิ่มขึ้น 829.16 จุด, +3.15%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 9,814.08 จุด เพิ่มขึ้น 198.27 จุด, +2.06%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,193.93 จุด เพิ่มขึ้น 81.58 จุด, +2.62%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,484.30 จุด เพิ่มขึ้น 142.86 จุด, +2.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,197.79 จุด เพิ่มขึ้น 185.82 จุด, +3.71%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,847.68 จุด เพิ่มขึ้น 417.12 จุด, +3.36%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 34,287.24 จุด เพิ่มขึ้น 306.54 จุด, +0.90%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,751.50 จุด เพิ่มขึ้น 44.30 จุด, +1.64%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,556.33 จุด ลดลง 5.51 จุด, -0.35%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 24,770.41 จุด เพิ่มขึ้น 404.11 จุด, +1.66%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,947.78 จุด เพิ่มขึ้น 31.08 จุด, +0.63%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 2,930.80 จุด เพิ่มขึ้น 11.55 จุด, +0.40%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,181.87 จุด เพิ่มขึ้น 30.69 จุด, +1.43%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,998.70 จุด เพิ่มขึ้น 6.90 จุด, +0.12%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,116.50 จุด เพิ่มขึ้น 4.50 จุด, +0.07%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 22,863.73 จุด เพิ่มขึ้น 167.99 จุด, +0.74%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 11,479.40 จุด เพิ่มขึ้น 86.17 จุด, +0.76%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,465.13 จุด ลดลง 52.36 จุด, -0.80%