เอเซีย พลัสมองธีมลงทุนมิถุนายนคือ “ห่วงหน้าพะวงหลัง” เตือนนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง พร้อมแนะหุ้นกลุ่มปลอดภัย ได้แก่ ADVANC, BDMS, BCPG, PTT, TTW, TVO และ BBL ขณะที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2 ติดลบหนักสุด 11%
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการและหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/63 จะติดลบ 11% จากไตรมาส 1 ที่ติดลบ 1.8% เพราะได้รับผลกระทบเต็มๆ จากการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มมีการล็อกดาวน์ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม บวกกับการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปหมด รวมทั้งปริมาณการค้าลดลงทำให้การส่งออกลดลงตาม อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3 คาดว่าจีดีพีจะติดลบน้อยลงจากการคลายล็อกดาวน์ คาดติดลบ 6% และไตรมาส 4 จีดีพียังติดลบ 4.5% ทำให้จีดีพีทั้งปี 2563 ติดลบ 5.7%
ขณะที่การลงทุนในช่วงเดือนมิถุนายนยังไม่สดใส ซึ่งหากมองจากปัจจัยพื้นฐานจะพบว่าอัปไซต์ของตลาดยังหายาก ขณะที่เม็ดเงินที่ซื้อขายปัจจุบันมาจากการเก็งกำไรที่คาดเดาภาพในอนาคต ซึ่งถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมให้คำนิยามธีมการลงทุนในเดือนมิถุนายน คือ “ห่วงหน้าพะวงหลัง” ซึ่งนักลงทุนจะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก ทั้งนี้ Fund Flow ที่เป็นตัวขับเคลื่อนตลาดยังมีเม็ดเงินค่อนข้างจำกัด โดยช่วง 3 เดือน คือ มีนาคม-พฤษภาคม ไม่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามา มีเพียงเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก แต่ก็ลดลงต่อเนื่องจากเดือนมีนาคมที่ 42,335 ล้านบาท เหลือเพียง 17,134 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม ขณะที่ P/E แม้จะสูงขึ้นถึง 21.2 เท่า ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดทั่วโลก แต่ก็ยังไม่สามารถชดเชย EPS ที่ถูกปรับลดลงมาอยู่ที่ 64 บาทในปีนี้
พร้อมแนะหุ้นกลุ่มปลอดภัย ในกลุ่ม Defensive และ Dividend Yield ได้แก่ ADVANC, BDMS, BCPG, PTT, TTW, TVO และ BBL ส่วนหุ้นที่เล่นเก็งกำไรได้แต่ต้องมีความระมัดระวังสูง ได้แก่ DELTA และ LPN