xs
xsm
sm
md
lg

"LPN Wisdom" คาดครึ่งปีหลังอสังหาฯ ฟื้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ
“ลุมพีนี วิสดอม” คาดตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 63 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลาย กำลังซื้อเพื่อการอยู่อาศัยยังมีอยู่ต่อเนื่อง ขณะผู้ประกอบการอสังหาฯ ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกยังมีความสามารถรักษากำไรเฉลี่ย 13.81%

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพีนี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) บริษัทด้านการวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มจะฟื้นตัวในครึ่งหลังของปี 63 หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลาย และกำลังซื้อเพื่อการอยู่อาศัยยังคงมีอยู่ในตลาด หลังจากที่ผู้ประกอบการอสังหาฯประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกยังคงมีความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 13.81%

“ถึงแม้ผลการดำเนินงาน Q1/63 ของบริษัทอสังหาฯ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 29 บริษัท จะมีรายได้รวม 59,207.66 ล้านบาท ลดลง 30.43% และกำไรสุทธิ 8,176.88 ล้านบาท ลดลง 40.68% เมื่อเทียบกับ Q1/62 แต่เมื่อเทียบความสามารถในการทำกำไร ยังคงสามารถรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ย 13.81% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น”

นอกจากความสามารถในการทำกำไรที่ยังคงอยู่ในระดับสูงแล้ว สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทอสังหาฯ ณ 31 มี.ค.63 โดยเฉลี่ยยังต่ำกว่า 2:1 เท่า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งแตกต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 40 ที่สัดส่วนหนี้ต่อทุนบริษัทอสังหาฯ ในระบบในขณะนั้น ซึ่งมีสัดส่วนสูงเกินกว่า 2:1 ทำให้มีความเสี่ยงในการทำธุรกิจเมื่อเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัว

ความแข็งแกร่งทางการเงินของผู้ประกอบการอสังหาฯ ทำให้ถึงแม้จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวโดย LPN Wisdom ประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยจะติดลบ 5-7% สอดคล้องต่อการประมาณการเศรษฐกิจไทยจะติดลบที่ 5-6% ของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจอสังหาฯ ในปี 63 มีแนวโน้มติดลบ 15-20% เมื่อเทียบกับปี 62 ก็ตาม แต่ LPN Wisdom มั่นใจว่าโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่งของผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ซึ่งอยู่ในบัญชีรายชื่อหุ้นยั่งยืนหรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) จะสามารถสร้างรายได้ ยอดขาย และรักษาอัตราการทำกำไรในห้วงเวลาที่เศรษฐกิจชะลอตัว

ขณะเดียวกัน ด้านกำลังซื้อในไตรมาสแรกพบว่า ความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวราบและอาคารชุด ส่วนรายได้ที่ลดลงของผู้ประกอบการอสังหาฯ โดยเฉลี่ย 30.43% ในไตรมาสแรกเป็นผลมาจากการที่ไม่สามารถโอนที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าต่างชาติ และกลุ่มนักลงทุน หลังเกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยที่มีแนวโน้มคลี่คลาย และคาดว่าจะสามารถปลดล็อกได้สิ้นไตรมาส 2 ของปี 63 คาดว่าตลาดอสังหาฯ จะค่อยๆ ฟื้นตัว ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาฯ จะทยอยเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี หลังจากที่ชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 2

“LPN Wisdom ประมาณการว่าจะมีจำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 จะอยู่ที่ 50,000-55,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 175,000-190,000 ล้านบาท หรือลดลง 50-55% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปี 62 ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดของไวรัส โควิด-19 ระลอก 2”

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ จะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี แต่เนื่องจากสินค้าคงเหลือและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของผู้ประกอบการยังคงมีมูลค่าสูง เฉพาะ 29 บริษัทจดทะเบียนในตลาดมีจำนวนสินค้าคงเหลือและโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ณ 31 มี.ค.63 สูงถึง 576,406 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.74% จาก ณ สิ้นปี 62 ซึ่งต้องใช้เวลาในการขายไม่น้อยกว่า 36 เดือน ทำให้แนวโน้มผู้ประกอบการอสังหาฯ จะเร่งขายโครงการเดิม แทนการเปิดโครงการใหม่


กำลังโหลดความคิดเห็น