วีจีไอเผยผลประกอบการไตรมาส 1/62 สวนกระแสวิกฤต COVID-19 ทำรายได้รวม 4,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิสูงที่สุดในประวัติการณ์ที่ 1,424 ล้านบาท จากธุรกิจใหม่ VGI Digital Lab สร้างผลงานเกินเป้า ดันการเติบโตในส่วนบริการด้านดิจิทัลสูงถึง 117.5% YoY หนุนให้อัตรากำไรสุทธิในปี 2562/63 ของกลุ่มบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 35.6%
นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI กล่าวว่า ปีนี้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะคำนวณจากการเปลี่ยนแปลงประเภทการลงทุนใน MACO จากบริษัทย่อยเป็นบริษัทร่วม ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2563 ดังนั้น รายได้จากสื่อโฆษณากลางแจ้งที่ MACO ทำการบริหารโดยตรง และรายได้จากกลุ่มทรานซ์.แอดที่บันทึกภายใต้ธุรกิจบริการด้านดิจิทัลในปี 2561/62 จะถูกปรับปรุงออกจากงบกำไรขาดทุน โดยในอนาคตบริษัทฯ จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากการลงทุนจาก MACO เท่านั้น
สำหรับผลการดำเนินงานของธุรกิจสื่อโฆษณามีรายได้ลดลง 7.6% YoY คิดเป็น 71.2% ของรายได้รวมหรือ 2,848 ล้านบาท ปัจจัยลดลงส่วนใหญ่มาจากการปรับปรุงสื่อโฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเป็นแบบดิจิทัล และอัตราการใช้สื่อที่น้อยลง นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี 63 ได้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อโฆษณาจากการที่หลายๆ บริษัทหันมาพิจารณาชะลอการใช้งบโฆษณามากขึ้น ส่วนธุรกิจบริการด้านดิจิทัลทำรายได้ 28.8% ของรายได้ทั้งหมด หรือคิดเป็น 1,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ภาพรวมการเติบโตมาจากการรับรู้รายได้จากโฆษณาออนไลน์ที่บริหารโดย VGI Digital Lab ซึ่งเป็นผู้ให้บริการออนไลน์เอเยนซี มุ่งเน้นในการสร้างแคมเปญการตลาดออนไลน์และดิจิทัลผ่าน Data Management Platform (DMP) ของกลุ่มบริษัท ในช่วงปีแรกของการดำเนินงานนี้จึงนับว่า VGI Digital Lab ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 150 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากการเติบโตจากการเติบโตแบบ organic growth ภายใต้การบริหารงานของ Rabbit Group ด้วย ด้านทิศทางดำเนินงานและพัฒนาการสำคัญของกลุ่มบริษัทธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัทฯ ได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ ‘VGI Digital Lab’ เพื่อให้บริการด้านการตลาดออนไลน์ และร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ให้บริการการตลาดแบบออนไลน์และผู้นำด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในประเทศจีน เพื่อช่วยผลักดันให้แบรนด์ในภูมิภาคสามารถเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านการสร้างแคมเปญทางการตลาดแบบออนไลน์ดิจิทัล
นอกจากนี้ ภายหลังจากการเข้าลงทุนใน PlanB ในปีที่ผ่านมา ได้ร่วมกันเปิดตัวแพกเกจสื่อโฆษณาใหม่ ที่ได้รวมหน้าจอสื่อโฆษณาดิจิทัลของทั้ง VGI PlanB และ MACO รวมถึงการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคและ O2O โซลูชันส์ ช่วยยกระดับการทำงานของสื่อนอกบ้านให้น่าดึงดูดและวัดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น ทางด้านธุรกิจบริการชำระเงิน ได้จับมือกับกลุ่มสหพัฒน์ ผู้นำด้านการจัดหาสินค้าอุปโภคและบริโภค เปิดให้บริการร้านค้าลอว์สัน 108 บน 12 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส พร้อมเปิดช่องทางการชำระเงินผ่านบัตรแรบบิท และแรบบิท ไลน์ เพย์ ซึ่งปัจจุบันมีการเติบโตของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยบัตรแรบบิทมีผู้ใช้จำนวนทั้งสิ้น 13 ล้านใบ และผู้ใช้บริการแรบบิท ไลน์ เพย์ อยู่ที่ 7.3 ล้านราย สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ จากความร่วมมือกับ Kerry ในการสร้างสรรค์ synergy ใหม่ๆ เพื่อส่งมอบประสบกาณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง อาทิ การให้บริการส่งสินค้าตัวอย่างและการให้บริการโฆษณาผ่าน Parcel Sticker กว่า 5-6 แสนชิ้น และบริการโฆษณาบนรถขนส่งพัสดุของ Kerry จำนวนกว่า 400 คัน รวมถึงขยายจุดให้บริการจัดส่งพัสดุบน 4 สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส
อย่างไรก็ตาม การระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันของผู้คนและธุรกิจทั่วโลกไปในวงกว้าง ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของพนักงาน ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน จึงได้ออกมาตรการเพื่อรักษาความปลอดภัยในองค์กรอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มทั้งหมดของบริษัทฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเสนอพื้นที่สื่อโฆษณาให้กับหน่วยงานราชการและองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรค COVID-19 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และให้ธุรกิจบริการชำระเงินเป็นหนึ่งในช่องทางการบริจาคเพื่อร่วมสมทบทุนการผลิตอุปกรณ์ป้องกันและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงมอบโอกาสให้คนขับรถแท็กซี่เป็นส่วนหนึ่งในการส่งพัสดุ Kerry และให้บริการฟรีสำหรับผู้ที่ต้องการส่งของใช้ที่สำคัญให้แก่ทีมแพทย์และโรงพยาบาล
สำหรับปี 2563/64 บริษัทฯ คาดการณ์ว่าการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกหน่วยธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงได้รับผลบวกจากความต้องการของนักโฆษณาที่หันมาใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้บริการผ่านตลาดอี-คอมเมิร์ซที่ส่งผลดีต่อทุกหน่วยธุรกิจ นอกจากนี้ เรายังมุ่งเน้นในการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ และเลื่อนการลงทุนในโครงการใหม่ๆ แต่ยังคงมุ่งต่อยอดผลงานจากโครงการที่มีอยู่ในมือ เพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงในสถานะทางการเงินของบริษัทฯ อีกด้วย
"จากสถานการณ์ ณ ปัจจุบันเรายังไม่สามารถประเมินได้ว่าการแพร่ระบาดจะยุติลงเมื่อใด อีกทั้งการมีมาตรการใหม่ๆ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถให้แนวโน้มการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนสำหรับปี 2563/64 ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจะประกาศแนวโน้มผลการดำเนินงานอีกครั้งเมื่อผลกระทบจากสถานการณ์นี้มีความชัดเจนมากขึ้น แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในครึ่งปีหลังของปี 2562/63 ที่ 0.016 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ท้ายที่สุดเราขอถือโอกาสนี้แสดงความปรารถนาดีต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งกับ COVID-19 ในประเทศไทยเพื่อผ่านพ้นวิกฤตนี้อย่างปลอดภัยไปด้วยกัน" นายเหลียงกล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี มองว่า จากการที่ VGI รายงานผลประกอบการที่ Bt1.42b สำหรับปี FY2019 ซึ่งดีกว่าคาดการณ์ของเราและตลาดเล็กน้อย เนื่องจากรายการพิเศษหลายรายการสุทธิแล้วเป็นกำไร Bt143m หากนำรายการเหล่านี้ออกไปกำไรปกติจะอยู่ที่ Bt1.28b เพิ่มขึ้น 16% yoy ใกล้เคียงกับคาดการณ์ตลาด โดยปัจจัยหนุนกำไรมาจากปันผลที่สูงขึ้นจาก PLANB และกำไรจาก KETH ที่เพิ่มขึ้นและการขาดทุนที่น้อยลงจาก Rabbit Line Pay แม้ว่าเราจะชอบหุ้น VGI แต่การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของราคาทำให้ upside จากราคาเป้าหมายของเราที่ Bt8.6 ค่อนข้างจำกัด เราจึงอยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำ กำไรของปี FY2019 อยู่ที่ Bt1.42b ดีกว่าคาดการณ์ของเราและตลาดจากรายการพิเศษ
VGI รายงานกำไรสุทธิที่ Bt1.42b สำหรับปี FY2019 เพิ่มขึ้น 29% yoy ซึ่งดีกว่าคาดการณ์ของเราและตลาดเล็กน้อย เนื่องจากรายการพิเศษหลายรายการสุทธิแล้วเป็นกำไร Bt143m รับรู้ในไตรมาสนี้ ซึ่งรายการพิเศษรวมถึงกำไรจากการเปลี่ยนแปลงสถานะการลงทุนใน MACO Bt550m และรายการสำรองหนี้สงสัยจะสูญและสำรองการลงทุนและสินทรัพย์ที่ไม่เกิดผลรวม Bt407m หากไม่รวมรายการเหล่านี้ กำไรปกติจะอยู่ที่ Bt1.28b เพิ่มขึ้น 16% yoy ซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของเรา โดย VGI ได้ทำการปรับปรุงงบการเงิน(restated) เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงวิธีการทางบัญชีของ MACO สู่กำไรจากกิจการร่วมค้า (equity income) จากการรวมงบแบบบริษัทลูก (consolidation) เนื่องจากการลดการถือหุ้นใน MACO สู่ระดับ 26.55% จาก 33.17% ซึ่งมีผลตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2020 เป็นต้นมา ดังนั้นการวิเคราะห์ของเราจะเทียบในรูปแบบเต็มปี
ปัจจัยหนุนกำไรของปี FY2019 มาจาก PLANB KETH และ Rabbit Line Pay และรายได้ที่เพิ่มขึ้น 10.8% yoy
ปัจจัยหนุนการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากรายได้บริการดิจิทัลซึ่งมีรายได้เติบโตราว117.5% yoy โดย Digital Lab ได้สร้างรายได้จาก online platform และบริษัท Trans Ad สร้างรายได้จากการบริหารโครงการ ส่วนรายได้จากสื่อ OOH ในปี FY2019 ลดลง yoy โดนกดดันจากสื่อที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้า BTS (-9% yoy) โดยรายได้ที่ลดลง yoy มาจากผลกระทบของ Covid-19 ประกอบกับการเปลี่ยนจากจอ static ไปสู่จอดิจิทัล กำไรขั้นต้น ลดลงสู่ระดับ 51.3% จาก 59.5% เป็นผลมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจดิจิทัลที่มีกำไรขั้นต้นต่ำกว่าสื่อแบบดั้งเดิม และผลกระทบเชิงลบจาก operating leverage ที่สูงขึ้น รายได้จากกิจการร่วมค้า สูงขึ้นมาอยู่ที่ Bt131m สำหรับปี FY2019 จาก Bt37m ใน FY2018 จากรายได้ที่สูงขึ้นจาก Kerry Express Thailand (KETH) และการขาดทุนที่ลดลงจาก Rabbit line pay นอกจากนี้ VGI ยังคงมีรายได้เพิ่มเติมจากเงินปันผล Bt146m ใน FY2019 จากเงินลงทุนใน PLANB คงราคาเป้าหมาย Bt8.6 แต่ bullish น้อยลงจากการขึ้นของราคาที่ผ่านมา
VGI นั้นก็ได้รับผลกระทบ Covid-19 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะในช่วงงบ 1QFY20 เราคาดว่า VGI จะมีผลขาดทุนราว Bt400m สำหรับในช่วงงบนี้และจะค่อยๆฟื้นตัวในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของราคาในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา และราคาหุ้นปัจจุบันนั้นมี upside เหลืออยู่ค่อนข้างจำกัดจากราคาเป้าหมายของเราที่ TP Bt8.6 เราจึงมองหุ้น bullish น้อยลงและอยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำของหุ้น