ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธอส. ร้องต่อ "วิรไท สันติประภพ" พิจารณาตรวจคุณสมบัติแต่งตั้ง "ฉัตรชัย ศิริไล" ก่อนนั่งเอ็มดี ธอส.การบริหารผิดพลาด
ว่าที่ ร.ต.ปกรณ์พัฒน์ ศุภมีวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ทำเรื่องถึงรองประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายวิรไท สันติประภพ) เรื่อง "ขอให้พิจารณาคุณสมบัติการแต่งตั้ง นายฉัตรชัย ศิริไล ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส."
โดยสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ ขอนำเรียนการบริหารที่ผิดพลาดและส่อไปในทางประพฤติมิชอบของอดีตกรรมการผู้จัดการ ธอส.ในหลายเรื่อง ได้แก่
ขณะที่ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการสายงานสินเชื่อ ไม่ปฏิบัติตามข้อตลงที่ธนาคารทำไวักับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในกรณีที่ห้ามธนาคารปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย ซึ่ง ธปท.ให้เงินกู้แก่ธนาคาร เพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มดังกล่าว แต่กลับไม่มีการออกระเบียบสินเชื่อกรณีการปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยในกรณีต่างๆ ของลูกค้าสินเชื่อ เป็นเหตุให้ธนาคารมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าข้อตกลง จนในที่สุดผู้ตรวจของ ธปท. ได้ตรวจพบและสั่งปรับ ธอส.เป็นเงินหลายสิบล้าน ตามบันทึกธปท.ที่ ธปท.ฝกง.(23) 2584/2561 ลว.30/1161
มีการให้ลูกค้าจ้างหรือพนักงานสัญญาจ้าง ที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงาน ต้องยื่นใบลาออก และไม่ให้นับอายุงานต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2543 และคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ ได้มีหนังสือหารือไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ทางกรมฯ ได้มีหนังสือตอบมาว่า การบังคับให้ลูกจ้างและพนักงานสัญญาจ้าง ต้องเขียนหนังสือลาออกนั้น ธนาคารจะต้องดำเนินการนับอายุงานและสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่องให้แก่ลูกจ้างและพนักงานสัญญาจ้าง
เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างระบบ GHB ALL มีการเปลี่ยนแปลงแผนการจัดซื้อจัดจ้าง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 มีการใช้งบประมาณจาก 7 ล้านบาท เป็น 88 ล้านบาท และมีการจัดจ้างในเฟส 2 อีกกว่า 26 ล้านบาท แต่ประสิทธิภาพการใช้งานต่ำ ลักษณะเป็นการแบ่งซื้อแบ่งจ้าง ซึ่งมีความผิดปกติ
การใช้อำนาจในฐานะกรรมการผู้จัดการและประธานคณะกรรมการตลาด จัดสรรเงินคุ้มนิรันดร์ เงินรายได้จากเป็นนายหน้าประกันชีวิต (โครงการคุ้มนิรันดร์) ให้อยู่ในอำนาจของตนเอง
และมีการใช้เงินของธนาคารปรับปรุงห้องทำงานส่วนตัว การปรับปรุงโครงสร้างหลังคาทางเชื่อมอาคารตามความเชื่อส่วนตัว เป็นเงินอีกเกือบ 10 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณของธนาคารสูงเกินความจำเป็น ซึ่งพนักงานร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ