บล.เคจีไอเตือนหุ้นการบินไทยเสี่ยงสูง อนาคตไม่แน่นอนว่าจะฟื้นฟูกิจการสำเร็จ ชี้หัวใจสำคัญคือคณะกรรมการที่จะเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟูต้องไม่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ต้องฟื้นฟูกิจการ เช่น บมจ.การบินไทย ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนในแผนฟื้นฟู ถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง เพราะเป็นการดำเนินธุรกิจในภาวะที่ไม่ปกติ โดยสิ่งที่นักลงทุนต้องระวังคือ การลดทุน และการเพิ่มทุน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งหากมองกรณีเลวร้าย เช่น เดิมมูลค่าหุ้นอาจเคยอยู่ที่ 100 บาท ก็อาจจะลดลงเหลือเพียง 1 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แม้สถานการณ์ของบริษัทการบินไทยขณะนี้จะคล้ายกับสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ในอดีต แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกัน คือ วัฒนธรรม อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนไทยที่เคยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูแต่ไม่ประสบความสำเร็จมีสูงถึง 30-40% ดังนั้น แม้แผนฟื้นฟูจะออกมาชัดเจน ก็อย่ามั่นใจว่าการฟื้นฟูกิจการจะประสบความสำเร็จ เพราะอาจเกิดอุปสรรคขึ้นในช่วงดำเนินการตามแผนฟื้นฟูได้
ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอยอมรับว่า รายชื่อกรรมการคนใหม่ทั้ง 4 คนของการบินไทย ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้ในระดับหนึ่ง เนื่องจากเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับ และมีประสบการณ์ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องรอดูความชัดเจนของแผนฟื้นฟูฯ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการประเมินมูลค่าหุ้นในลำดับต่อไป รวมทั้งคณะกรรมการที่จะเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟู เพราะถือเป็นปัจจัยกำหนดความสำเร็จที่ต้องเป็นกลางและไม่มีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
ดังนั้นจึงมองว่านักลงทุนที่เข้ามาเล่นหุ้นการบินไทยขณะนี้เป็นการเก็งกำไรระยะสั้น โดยคาดเดาสถานการณ์ในอนาคตกันเอง เนื่องจากขณะนี้แผนฟื้นฟูฯ ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งจะรอความชัดเจนของแผนฟื้นฟูฯ และแนวทางที่ชัดเจน เพื่อคาดการณ์ความสำเร็จในอนาคตว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งจะทำให้การประเมินมูลค่าของหุ้นมีความเหมาะสม และสามารถเปรียบเทียบได้ว่าควรเข้าลงทุนเพื่ออนาคตหรือไม่ พร้อมแนะนักลงทุนที่มีหุ้นการบินไทยอยู่ในมือและยังอยากถือเก็บไว้ จะต้องพิจารณาว่าสามารถรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลดทุนได้มากน้อยเพียงใด