“ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ชี้วิกฤตโควิด-19 เป็นโอกาส แนะรัฐตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของโลก ชู 5 เป้าหมายพลิกประเทศไทยสู่เศรษฐกิจ 4.0
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วิกฤติโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก แต่เชื่อว่าโลกจะ Rebound กลับสู่ภาวะปกติได้ในที่สุด และมั่นใจว่าโลกของเราจะสามารถฟื้นตัวได้เร็ว เนื่องจากกระแสโลกาภิวัตน์ทำให้โลกเป็นหนึ่งเดียว และจากแรงเสริมของวิกฤติโควิด-19 ผลักดันให้เกิดการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลเร็วขึ้น ทำให้โลกหลังวิกฤตเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิด New Normal จากพฤติกรรมคนที่เปลี่ยนแปลงไปนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ หรือ New Economy ที่เป็นเศรษฐกิจ 4.0 ทั้งนี้ ประเทศไทยจะต้องเตรียมพร้อมในการเปลี่ยนผ่าน หรือ Transform สู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ ต้องกล้าที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยตั้งเป้าหมายนำประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของโลก
ทั้งนี้ สภาดิจิทัลฯ กำหนดเป้าหมายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ New Economy ที่กำลังจะมาถึงหลังวิกฤตโควิด-19 ประกอบด้วย 5 เป้าหมายที่จะต้องสร้างให้เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย เป้าหมายแรก คือ ต้องสร้างตัวชี้วัดใหม่ให้ประเทศไทย ต้องเปลี่ยนตัวชี้วัดแบบดั้งเดิมมาสู่ตัวชี้วัดใหม่ เช่น ตัวชี้วัดด้าน Digital Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศ จะต้องไม่วัดจากจำนวนคอมพิวเตอร์ต่อประชากร หรือจำนวนโทรศัพท์มือถือต่อประชากร แต่ควรเป็นตัวชี้วัดที่บอกถึงศักยภาพในการเข้าถึงเทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน เป็นต้น เนื่องจากองค์ความรู้ใหม่ๆ ของโลกล้วนมาจากประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษและภาษาจีน ทั้งนี้ การสร้างตัวชี้วัดใหม่ คือการสร้างมาตรฐานใหม่ ซึ่งจะสร้างความตระหนักรู้ หรือ Awareness แก่สังคมไทย ถือเป็นเรื่องดีที่สุดในการเปลี่ยนแปลงประเทศให้พร้อมรองรับอนาคต 4.0 ที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายที่ 2 คือ ต้องสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ เพราะทุกภาคส่วนต่างมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง แต่ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าต่างฝ่ายต่างทำ ทั้งนี้ เห็นว่าทุกฝ่ายสามารถร่วมมือกันได้แม้ในบางมิติอาจจะต้องแข่งขันกันบ้างก็ตาม เป้าหมายที่ 3 คือ Digital Manpower ต้องเร่งสร้างและพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัล โดยสร้างคนจากภายในประเทศ ด้วยการสร้างทักษะ upskill และ/หรือ reskill ด้านดิจิทัลแก่บัณฑิตจบใหม่ของไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 500,000 คน เพื่อให้มีทักษะใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการใหม่ๆ ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง และอาจจะต้องมีแรงจูงใจ หรือ Incentive ในเป้าหมายนี้ เป้าหมายที่ 4 คือ Digitalization เมื่อโลกเปลี่ยน เราต้องปรับตามการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งนี้เแต่ละอุตสาหกรรม รวมถึงสตาร์ทอัพต้องตื่นตัว และสำรวจตัวเอง ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในองค์กร
เป้าหมายที่ 5 คือ ต้องสร้างประเทศไทยให้เป็น Hub ด้านการค้าการลงทุน ดึงคนเก่งจากทั่วโลกเข้ามาประเทศไทย ต้องวางยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยเป็น Hub ในระดับภูมิภาคเพื่อดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก ซึ่งไทยมีศักยภาพเพราะตั้งอยู่บนศูนย์กลางของโลกที่มีคนมากถึง 3,000 ล้านคน โดยต้องพิจารณาดูว่าอะไรเป็นเรื่องใหม่และมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลง เช่น ไทยสามารถเป็น Hub ด้านสุขภาพได้หรือไม่ โดยเชื่อว่าเทคโนโลยีและดิจิทัลจะช่วยทำให้ประเทศไทยทะยานตัวสู่เป้าหมายนี้ได้ ในการนี้ ประเทศไทยต้องมีระบบนิเวศ หรือ Ecosystem ที่เอื้ออำนวยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุนที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น การดึงคนเก่งจากทั่วโลกเข้ามาช่วยให้เราเป็น Hub ด้านเทคโนโลยี ซึ่งอาจจะต้องมีแรงจูงใจเพื่อดึงดูดให้เข้ามาประเทศไทย การส่งเสริมด้านวิจัยและพัฒนา หรือ R&D หรือการมี Intelligent Center เพื่อดึงนักวิจัย หรือ Start up ด้านเทคโนโลยีที่เก่งๆ รวมไปถึงผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเข้ามาไทย และควรส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยปรับตัวผลิตคนที่มีศักยภาพด้านเทคโนโลยีให้มากขึ้น