xs
xsm
sm
md
lg

REIC ชี้โควิด-19 ฉุดโครงการเปิดใหม่ไตรมาส 1 ลด 29.4%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


วิชัย วิรัตกพันธ์
ศูนย์ข้อมูลฯ ชี้โควิด-19 ฉุดโครงการเปิดขายใหม่ไตรมาส 1/63 ลด 29.4% เหลือ 15,932 หน่วย จาก 68 โครงการ ใกล้เคียงช่วงน้ำท่วมใหญ่ไตรมาส 4/54 อาคารชุดลดมากสุด 42.9%

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์. กรรมการและเลขานุการ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานสถานการณ์โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2563 พบว่า มีจำนวน 68 โครงการ ลดลงจากช่วงไตรมาส 1 ปี 2562 ร้อยละ 40.4 มีจำนวนหน่วย 15,932 หน่วย ลดลง ร้อยละ 29.6 ซึ่งเป็นการเปิดขายโครงการใหม่ที่น้อยที่สุด นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และมีการเปิดขายโครงการใหม่เพียง 67 โครงการ 15,858 หน่วย


โครงการเปิดขายใหม่ไตรมาสนี้ แบ่งเป็น อาคารชุด 23 โครงการ 7,111 หน่วย และโครงการบ้านจัดสรร 45 โครงการ 8,821 หน่วย โดยจำนวนหน่วยอาคารชุดลดลงมากถึงร้อยละ 42.9 ส่วนบ้านจัดสรร มีจำนวนหน่วยลดลงร้อยละ 13.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (ปี 2558-2562) ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยจะเปิดขายเฉลี่ยไตรมาสละ 116 โครงการ 28,490 หน่วย จะเห็นได้ว่าในไตรมาสนี้โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบครึ่ง โดยจำนวนโครงการต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ร้อยละ 41.4 และจำนวนหน่วยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ร้อยละ 44.1

โครงการเปิดใหม่ พบว่า เป็นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 12,206 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 76.6 และบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์ จำนวน 3,726 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 23.4 สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์ จำนวน 12,206 หน่วย จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการอาคารชุด 5,016 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 24.4 แต่โครงการบ้านจัดสรรมี 7,190 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3


ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลัก ทรัพย์ จำนวน 3,726 หน่วย พบว่า มีจำนวนลดลงทั้งโครงการอาคารชุดและบ้านจัดสรร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการอาคารชุดมีจำนวน 2,095 หน่วย ลดลงร้อยละ 64.0 และโครงการบ้านจัดสรรมีจำนวน 1,631 หน่วย ลดลงร้อยละ 65.9

เมื่อแยกตามระดับราคาที่มีการเปิดขายมากที่สุด 3 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 เปิดขายในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาทมากที่สุด มีจำนวน 5,970 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 37.5 ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ อันดับ 2 ระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวน 3,586 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 22.5 ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ และอันดับ 3 ระดับราคา 1.51-2.00 ล้านบาท มีจำนวน 2,035 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 12.8 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารชุด


โครงการอาคารชุด จำนวน 7,111 หน่วย เมื่อแยกตามที่ตั้งโครงการ พบว่า โซนที่มีการเปิดขายมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) โซนธนบุรี-คลองสาน-บางกอกน้อย-บางกอกใหญ่-บางพลัด มีจำนวน 1,653 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 57.0 ส่วนใหญ่เป็นอาคารชุดตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ท่าพระ) ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการในปี 2562

2) โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก มีจำนวน 978 หน่วย เพิ่มขึ้นจากที่ไม่มีการเปิดขายใหม่ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

3) โซนเมืองนนทุบรี-ปากเกร็ด มีจำนวน 921 หน่วย ลดลงร้อยละ 38.1

4) โซนบางซื่อ-ดุสิต มีจำนวน 710 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 46.1 และ 5) โซนสุขุมวิท มีการเปิดขายใหม่จำนวน 609 หน่วย ลดลงร้อยละ 68.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


ส่วนโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 8,821 หน่วย พบว่า โซนที่มีการเปิดขายใหม่มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) โซนเมืองปทุมธานี-ลาดหลุมแก้ว-สามโคก มีจำนวน 1,976 หน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งไม่มีโครงการเปิดขายใหม่เลย

2) โซนหลักสี่-ดอนเมือง-สายไหม-บางเขน มีจำนวน 1,087 หน่วย เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีการเปิดขายใหม่เพียง 330 หน่วย

3) โซนบางพลี-บางบ่อ-บางเสาธง มีจำนวน 923 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8

4) โซนคลองสามวา-มีนบุรี-หนองจอก-ลาดกระบัง มีจำนวน 874 หน่วย ลดลงร้อยละ 2.6

และ 5) โซนลำลูกกา-คลองหลวง-ธัญบุรี-หนองเสือ มีจำนวน 715 หน่วย ลดลงร้อยละ 31.8 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


กำลังโหลดความคิดเห็น