“ปลัดคลัง” เผยสัปดาหร์แรกของเดือน พ.ค.63 คลังเตรียมโอนเงินเยียวยา 5 พันบาท ให้ผู้ผ่านเกณฑ์ได้อีก 2.2 ล้านราย พร้อมระบุในวันที่ 8 พ.ค. คลังจะสามารถโอนเงินให้ผู้ลงทะเบียนเราไมทิ้งกันได้รวม 11 ล้านราย ขอผู้เคยลงทะเบียนเข้าตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาคลัง เพราะการตรวจสอบสิทธิ หรือการแก้ไขข้อมูลจะต้องทำผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ยืนยันไม่ใช่ไม่ต้องการบริการประชาชน แต่เป็นเพราะต้องลดและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามคำสั่งรัฐบาล เตือนสื่อระวังอย่างตกเป็นเครื่องมือของพวกดรามาหน้าคลังที่มาเป็นคนของพรรคการเมือง การ์ดสีเสื้อ และพวกหวังเงินบริจาค
นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการโอนเงินเยียวยา 5 พันบาทให้แก่ผู้ที่ผ่านเกณฑ์คัดกรองคุณสมบัติ โดยคาดว่า จำนวนผู้รับสิทธิราว 16 ล้านรายนั้นจะได้รับเงินเยียวยาภายในกลางเดือน พ.ค.63 ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้จ่ายเงินให้แก่ผู้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติไปแล้วทั้งสิ้น 8 ล้านราย โดยในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ค. กระทรวงการคลังจะจ่ายเงินเพิ่มให้แก่ผู้ที่ผ่านเกณฑ์อีก 2.2 ล้านราย และภายในวันที่ 8 พ.ค.63 กระทรวงการคลังจะจ่ายเพิ่มอีก 4 แสนราย
สำหรับผู้ลงทะเบียนที่ได้รับเงินในเดือน พ.ค. แต่ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจากรอบเดือน เม.ย.นั้น ก็จะได้รับเงินเยียวยารวมกันทั้ง 2 เดือน เมื่อถึงวันที่ 8 พ.ค. กระทรวงการคลังจะมียอดรวมการโอนเงินเยียวยาให้แก่ผู้ลงทะเบียนแล้ว 11 ล้านราย พร้อมทั้งย้ำด้วยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์สิทธิเงินเยียวยากว่า 23,000 ราย ลงพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงด้านอาชีพของผู้ลงทะเบียนของทบทวนสิทธิ โดยเจ้าหน้าที่พิทักษ์สิทธิจะเร่งทำงานทุกวันไม่เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
นอกจากนี้ นายประสงค์ ยังได้ประชาสัมพันธ์เพื่อขอให้ผู้ลงทะเบียนเข้าไปตรวจสอบสิทธิผ่านเว็บไซต์เราไม่ทิ้งกัน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่กระทรวงการคลัง เนื่องจากการตรวสอบสิทธิ หรือการแก้ไขข้อมูลจะต้องดำเนินการผ่านระบบ http://www.เราไม่ทิ้งกัน.com
อย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งในเว็บไซต์จะสามารถทำการอัปเดตข้อมูลได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่กระทรวงการคลังไม่ต้องการให้ประชาชนเดินทางมาที่กระทรวงนั้น ไม่ใช่เพราะกระทรวงการคลังไม่ต้องการให้บริการประชาชน แต่เป็นเพราะกระทรวงการคลังต้องลดและป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามคำสั่งของรัฐบาล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังต้องรักษาระยะห่างทางสังคม แต่มีคนเดินทางมาเป็นจำนวนมากก็เป็นเรื่องยากที่เจ้าหน้าที่จะรักษาระยะห่างได้ และถึงแม้ประชาชนจะเดินทางมายังกระทรวงการคลังเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการก็ตาม เจ้าหน้าที่จะทำได้เพียงรับเรื่องและช่วยตรวจสอบทางออนไลน์ให้ แต่ผู้ลงทะเบียนยังต้องรอรับการจ่ายเงินจากกระทรวงการคลังเป็นรอบๆ อยู่ดี
“คนที่เดินทางมานั้น 90% หากเปิดเช็กสิทธิบนออนไลน์ก็จะทราบว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน หลายคนที่มาเรียกร้องสิทธิจะเป็นคนที่มีความเดือดร้อนจริง แต่อีกหลายๆ ก็ถูกจ้างให้มา หรือบางคนก็มาเพื่อต้องการรับบริจาคเงิน ซึ่งก็พอจะมีตัวอย่างให้เห็นกันอยู่ว่ามีคนที่เคยได้รับบริจาคเงินไปแล้วหลายล้านบาท ซึ่งบางคนผมก็จำได้ว่าเป็นพวกที่มาจากอีกพรรคการเมืองหนึ่ง โดยบางคนก็เคยเป็นการ์ดของสีเสื้อมาก่อน การมาดรามาหน้ากระทรวงก็เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เมื่อมีคนแรกทำก็จะมีคนอื่นทำตามบ้าง ผมจึงอยากขอร้องสื่ออย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนเหล่านี้” ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าว
ปลัดกระทรวงการคลัง ยังย้ำว่า สถานการณ์ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบันประเทศไทยสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ดี แต่หากปล่อยให้เกิดโรคระบาดเกิดขึ้นเป็นระลอกที่ 2 แล้ว จะกลายเป็นต้นทุนมหาศาลของประเทศ และเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงไปอีก ซึ่งกระทรวงการคลังคงกู้เงินเพื่อใช้ดูแลเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกไม่ได้แล้ว เนื่องจากเงินกู้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทนั้น ทำให้ระดับหนี้สินสาธารณะของรัฐบาลขยับสูงขึ้นจนเกือบจะเต็มเพดานสูงสุดตามกรอบการรักษาวินัยการเงินการคลังที่ 60% ต่อมูลค่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แล้ว ทั้งนี้ มีตัวอย่างให้เห็นจากทางฝั่งสิงคโปร์เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 นั้น จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีกเป็น 2 เท่าตัว ส่วนที่ประเทศไทยนั้นมีการคาดการณ์ว่าเมื่อถึงวันที่ 11 มิ.ย.63 หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีแล้ว อัตราการการติดเชื้อในประเทศก็น่าจะเหลือศูนย์ราย