xs
xsm
sm
md
lg

แสนสิริชู 5 New Normal ยกระดับการอยู่อาศัย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อภิชาติ จูตระกูล
แสนสิริชี้โควิด-19 เร่งภาคอสังหาฯ ปรับตัวสู่ยุคใหม่ ชู 5 New Normal ยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตสู่ ‘The New Normal for Sansiri Living’ พร้อมพัฒนา Sansiri Home Service Application จอง-จ่าย-จบ ครบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแอปเดียว

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า ที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจและภาคอสังหาริมทรัพย์ ผู้บริโภคเองก็มีกำลังซื้อที่ลดลง กระแสเงินสดของแต่ละบริษัทลดต่ำลง เพราะยอดขาย ยอดการโอนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และคาดว่าจะใช้ระยะเวลากว่า 1-2 ปีกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ และเชื่อว่าในอนาคตจะโรคอุบัติใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี การระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งภาคธุรกิจและภาคเอกชน

ที่ผ่านมา แสนสิริได้ทำการศึกษาและพัฒนาการดำเนินธุรกิจ การออกแบบ คิดค้นนวัตกรรมการอยู่อาศัยล่วงหน้า และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องเร่งนำนวัตกรรมที่คิดค้นมาก่อนหน้านี้ออกมาใช้เร็วขึ้น และนำมาใช้ในทุกด้าน ทั้งการทำตลาดแบบ Speed to Market ให้ความสำคัญต่อสภาพคล่องของ Cash Flow

นายอภิชาต กล่าวต่อว่า แม้ว่าที่ผ่านมาตลาดอสังหาฯ กับตัวเลขจีดีพีเศรษฐกิจจะไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในปีนี้ตัวเลขจีดีพีจะตกต่ำ แต่อย่างไรก็ตาม หากบริษัทปรับตัวได้เร็วจะช่วยให้บริษัทสามารถเอาตัวรอดได้ กลยุทธ์ใดที่สามารถสร้างยอดขาย นำเงินเข้าบริษัทได้ ต้องทำ ยอมรับ ลด แลก จ่าย แถม เต็มที่ จึงทำให้ช่วงไตรมาสแรก บริษัทสามารถทำยอดขายได้ถึง 11,000 ล้านบาท ยอดโอนอีก 9,000 ล้านบาท ขณะที่ไตรมาส 2 แสนสิริได้ออกแคมเปญอยู่ฟรี 2 ปี ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก ทำให้กว่า 3 สัปดาห์แรกของไตรมาส 2 สามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 4,200 ล้านบาท โดยปัจจุบันแสนสิริมีสต๊อกพร้อมขาย จำนวน 1,900 ยูนิต มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบประมาณ 4,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมอีก 6,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ สู่ “The New Normal for Sansiri Living” กับ 5 มิติ ทั้งการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาโครงการอสังหาฯ และบริการหลังการขาย รองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แก่ 1.New Normal ด้านการดูแลโครงการและบริการ ยกระดับความเข้มงวดด้านการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค รวมถึงตรวจวัดไข้ทั้งพนักงานและลูกบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้

2.New Normal ด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย เติมเต็มประสบการณ์แบบลดการสัมผัส ความใส่ใจด้านความสะอาดและถูกสุขอนามัย 3.New Normal ด้าน Waste Management เพิ่มมาตรการจัดการขยะติดเชื้อจากหน้ากากอนามัยที่ปลอดภัย และวางระบบจัดการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จาก Food Delivery หรือ Online Shopping ที่สูงขึ้น

4.New Normal ด้านการออกแบบและพัฒนาโครงการ ยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิต ลดการสัมผัส พร้อมผสานการ Work Anywhere, Anytime และ 5.New Normal ด้านความปลอดภัยในการอยู่อาศัย กับ LIV-24 บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง

แนวคิด ‘New Normal’ ได้รับการตีความที่หลากหลาย แต่วันนี้ แสนสิริ ลงมือศึกษาอย่างจริงจัง และทำอนาคตให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมกับโครงการนำร่อง ‘เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101’ และจะขยายไปอีก 8-10 โครงการ สู่ New Normal ของการอยู่อาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี สะท้อนทุกมิติของ The New Normal for Sansiri Living เริ่มจากทางเข้าโครงการ ส่วนกลาง จนถึงห้องพัก

“ที่ผ่านมา แสนสิริได้คิดค้นนวัตกรรมการอยู่อาศัยใหม่เพื่อสร้างความสะดวกสบายยกระดับการอยู่อาศัยให้แก่ลูกบ้านของแสนสิริมาอย่างต่อเนื่อง และเตรียมนวัตกรรมใหม่เตรียมเปิดตัวออกสู่ตลาดล่วงหน้า แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสทำให้เราเร่งนำนวัตกรรมที่เรียกได้ว่าแบบจัดเต็มออกมาใช้ในช่วงนี้” นายอภิชาต กล่าว

ปิติ จารุกำจร
โควิด-19 เร่งอสังหาฯ ทรานฟอร์มเร็ว 10 เท่า
นายปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและบริหารกลยุทธ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 เร่งให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เร่งการปรับตัวเร็วเป็น 10 เท่า ในการทรานฟอร์มเข้าสู่ยุคใหม่ ที่ผ่านมา บริษัทได้ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาและรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย

หลังจากนี้ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้คนจะเปลี่ยนไปอย่างถาวร หลายคนจะใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น และเชื่อมั่นว่า ‘Homes for your Peace of Mind’ ยกบ้านเป็นที่ที่สะอาด ถูกสุขอนามัย ยิ่งไปกว่านั้น บ้านและสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบจะไม่เป็นเพียงพื้นที่พักผ่อนอย่างเดียวอีกต่อไป แต่จะยังช่วยส่งเสริม ‘Productivity’ และรองรับวิถีการทำงานแบบ Work Anywhere, Anytime

ทั้งนี้ เราจะพบกับนิยามใหม่ของแนวคิด Sharing Economy เพราะทุกการออกแบบพื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน และคำนึงถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น Social Distancing ตลอดจนเสริมการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางก่อนลูกบ้านเข้าใช้บริการ ขณะเดียวกัน การอยู่อาศัยในคอมมูนิตีต้องเป็นแบบ ‘Touchless’ ลดการสัมผัสและลดโอกาสการติดเชื้อ พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ‘Security and Safety’ เพิ่มความอุ่นใจในการอยู่อาศัย เมื่อลูกบ้านใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น

โครงการนำร่องเดอะไลน์ สุขุมวิท 101
สำหรับโครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 ที่นำร่องติดตั้งเทคโนโลยีเสริม สอดรับต่อความต้องการและพฤติกรรมของลูกบ้านที่ให้ความสำคัญด้านสุขภาพและความสะอาดมาเป็นอันดับหนึ่ง เริ่มต้นจากทางเข้าโครงการ ด้วยการติดตั้งระบบ Visitor Management System (VMS) และระบบการลงทะเบียนด้วยการสแกนหลักฐานแสดงตนเพื่อเข้าออกโครงการ และบันทึกข้อมูลผู้มาติดต่อ ติดตั้งประตูอัตโนมัติทางเข้าหลัก 5 จุด ลดการสัมผัส และคัดกรองที่จุดเชื่อมต่อจากภายนอกสู่ภายในอาคาร ใช้ระบบฆ่าเชื้อด้วยเทคโนโลยี UV บนพัสดุ ก่อนส่งมอบให้ลูกบ้านผ่าน Smart Locker ติดตั้งเครื่องปล่อยแอลกอฮอล์อัตโนมัติในพื้นที่ส่วนกลางและลิฟต์ รวมทั้งเครื่องปล่อยโฟมอัตโนมัติและเครื่องปล่อยน้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับการเช็ดฝารองนั่งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำส่วนกลาง

“เราให้ความสำคัญสูงสุดด้านคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของผู้อยู่อาศัย ทั้งความสะอาดปราศจากเชี้อโรคและครอบคลุมไปถึงการมีอากาศบริสุทธ์ เพื่อสร้างบรรยากาศที่สะอาดและน่าอยู่ ติดตั้งระบบ UVC ในเครื่องปรับอากาศของพื้นที่ส่วนกลางของเดอะไลน์ สุขุมวิท 101 จาก Steril Aire นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีความเข้มรังสีสูงที่สามารถทำลายเชื้อไวรัส แบคทีเรียและเชื้อรา และเป็นระบบที่ได้รับรับรองโดยมาตรฐานงานระบบวิศวกรรมของสมาคมวิศวกรการทำความร้อนความเย็นและการปรับอากาศแห่งสหรัฐอเมริกา (ASHRAE) โดยระบบดังกล่าวมีการใช้ในสถานที่สำคัญอย่างแพร่หลายทั่วโลก ทั้งสถานพยาบาล อุตสาหกรรมการผลิตยาหรืออาหาร โรงแรม และในประเทศไทย ได้แก่ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดีและโรงแรม St. Regis” นายปิติ กล่าว


นอกจากนี้ ภายในห้องที่อยู่อาศัยยังติดตั้งตู้รองเท้าพร้อมแสงยูวีซี AIRCON UV STERILIZER อุปกรณ์ฆ่าเชื้อโรคในเครื่องปรับอากาศด้วยแสงยูวีซี ทำให้อากาศภายในห้องชุดสะอาดและปราศจากเชื้อโรค พร้อมด้วยนวัตกรรม Well Air by SCG LIVING TECH เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ พร้อมสวิตช์อัจฉริยะ ทำหน้าที่ในการควบคุมปริมาณ CO2, VOCs และ H2O และอุณหภูมิให้อยู่ในค่ามาตรฐานที่ดีต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัย และสีทาพิเศษจาก TOA ผสมสาร Silver Nano ทำความสะอาดง่ายและป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค เชื้อไวรัส และแบคทีเรียต่างๆ ลดโอกาสในการสัมผัสกับเชื้อโรคได้มากขึ้น ทั้งยังผสานไลฟ์สไตล์ทุกการใช้ชีวิตอย่างลงตัว ด้วยเฟอร์นิเจอร์รูปแบบพิเศษที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือพับเก็บได้ตามการใช้งาน

จิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์
พัฒนา App จอง-จ่าย-จบ ครบทุกไลฟ์สไตล์
นายจิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด บริษัทในเครือแสนสิริ กล่าวว่า ตั้งแต่การระบาดในระยะแรกของโควิด-19 สิริ เวนเจอร์สเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาฟังก์ชันและเสริมเทคโนโลยีบน Sansiri Home Service Application เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกบ้าน ยกระดับประสบการณ์แบบลดการสัมผัสอย่างไร้รอยต่อ สะท้อนแนวคิด ‘The New Normal for Sansiri Living’ ตั้งแต่การควบคุมคุณภาพอากาศภายในห้อง และเช็กค่า AQI ของอากาศภายนอก การสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Home เพื่อสำรองการใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง แจ้งซ่อม และจ่ายค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำ-ไฟ และใช้บริการพิเศษด้าน Delivery, Cleaning Service, Health Service และด้าน Lifestyle อื่นๆ อีกมาก จอง-จ่าย-จบ ครบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแอปเดียว


กำลังโหลดความคิดเห็น