บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK ผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย ได้มีมติจากการประชุมสามัญประจำปี 2563 อนุมัติการจ่ายปันผลเป็นจำนวนเงิน 275 ล้านบาท หรือคิดเป็นปันผลต่อหุ้นเท่ากับ 0.55 บาท พร้อมอนุมัติการเข้าซื้อกิจการของ เอ็มเอฟไอเอล (Myanmar Finance International Limited - MFIL) ผู้ให้บริการสินเชื่อในพม่า ในราคาไม่เกิน 21,000 ล้านจ๊าต หรือไม่เกิน 450 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการแบบก้าวกระโดด โดยจะมีสาขาเพิ่มในพม่าทันที 13 สาขา พร้อมกับฐานลูกค้าประมาณ 70,000 ราย ทำให้ TK สามารถดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ได้อย่างเต็มรูปแบบในหลายรัฐ และครอบคลุมพื้นที่สำคัญในพม่า เผยเงินลงทุนครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อผลกำไร เนื่องจากใช้เงินจากกระแสเงินสดและกำไรจากการดำเนินงาน มั่นใจรับไม้ต่อเข้าบริหารแบบไร้รอยต่อ มองธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในพม่ามีโอกาสเติบโต ประกาศกลยุทธ์ขยายธุรกิจในต่างประเทศและเชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น ควบคู่กับการเตรียมดำเนินธุรกิจฝ่าวิกฤต “โควิด-19”
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เผยว่า จากการประชุมสามัญประจำปี 2563 มีมติอนุมัติจ่ายปันผลผู้ถือหุ้น 0.55 บาท/หุ้น รวมเป็นเงิน 275 ล้านบาท หรือ Dividend Yield ณ วันปิดสมุดทะเบียน 12 มีนาคม 2563 ที่ 6.8% คิดเป็นสัดส่วน 54.5% ของกำไรสุทธิในปีที่ผ่านมา และมีมติอนุมัติการเข้าซื้อกิจการของเอ็มเอฟไอแอล (Myanmar Finance International Limited) หรือ MFIL ผู้ให้บริการสินเชื่อในพม่า โดย บริษัท มิงกะละบา ฐิติกร ไมโครไฟแนนซ์ จำกัด บริษัทในเครือ TK ซึ่งได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการธุรกิจไมโครไฟแนนซ์เมื่อเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ได้ทำสัญญาเข้าซื้อหุ้น MFIL ในสัดส่วน 100% ด้วยมองเห็นโอกาสการเติบโตที่น่าสนใจและผลประกอบการของธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ไมโครไฟแนนซ์ในพม่า ประกอบกับพิจารณาเห็นว่า MFIL จะสามารถเป็นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและช่วยเสริมเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ TK ในภูมิภาคแถบนี้ ด้วยช่องทางการให้บริการที่อยู่ในเมืองสำคัญๆ ของพม่า
“การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ TK สามารถดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ได้อย่างเต็มรูปแบบในหลายรัฐและครอบคลุมพื้นที่สำคัญๆ ในพม่า ซึ่งการขยายธุรกิจในพม่านี้เป็นไปตามแผนการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของ TK โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 21,000 ล้านจ๊าตหรือไม่เกิน 450 ล้านบาทในดีลดังกล่าว และกระบวนการซื้อกิจการคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 ปีนี้ 2563 นี้ ซึ่งจะทำให้ TK มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 7% และทำให้สัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของสินเชื่อทั้งหมดจากปัจจุบันที่ 17%” นางสาวปฐมากล่าว
ทางด้าน นายประพล พรประภา กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ TK และไม่กระทบต่อการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น เนื่องจากเงินที่ใช้ในการลงทุนจะใช้แหล่งเงินจากกระแสเงินสดและกำไรจากการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งเพียงพอรองรับการทำธุรกรรมดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ทั้งนี้ ในด้านการบริหารจัดการธุรกิจที่พม่าจะยังคงใช้ทีมบริหารชุดเดิมของ MFIL โดยที่ทาง TK จะเข้าไปนั่งในตำแหน่งที่สำคัญๆ ในระยะแรกเท่านั้น
“การซื้อกิจการครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวย่างสำคัญสำหรับการเติบโตแบบ inorganic growth โดย TK มีกลยุทธ์ที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศและเชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไรในระยะกลาง-ยาว ขณะที่ลูกค้าของ MFIL ทั้งหมดเป็นรายย่อย ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับของ TK ซึ่งจะช่วยเสริมกันและกัน โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่มีอยู่ในการขยายการลงทุน และจะเป็นฐานธุรกิจสำคัญ โดยเฉพาะตลาดพม่าที่ต้องอาศัยการเจาะตลาดท้องถิ่นที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจากไทยอยู่พอสมควร” นายประพลกล่าว
“ตลาดพม่าถือว่าเติบโตรวดเร็วที่สุดในภูมิภาค โดย MFIL มีฐานลูกค้าอยู่ประมาณ 70,000 ราย ในรัฐสำคัญๆ ที่รัฐบาลพม่าเข้มงวดในการออกใบอนุญาตให้ดำเนินกิจการดังกล่าว และ ณ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นขอขยายสาขาเพิ่มในรัฐอื่นๆ อีกเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการให้มากขึ้นต่อไปในอนาคต สอดคล้องกับการเจริญเติบโตที่จะเกิดขึ้น พม่ามีประชากรกว่า 53 ล้านคน ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศไทย ขณะที่อัตราการเข้าถึงบริการของสถาบันการเงินนั้นถือว่ายังน้อย คืออยู่ที่ 20-30% เทียบกับประเทศไทยอยู่ที่เกือบ 100% ทำให้ตลาดพม่าอยู่ในช่วงการเติบโต ธุรกิจสถาบันการเงินของพม่ายังมีโอกาสให้ขยายจำนวนฐานลูกค้าได้อีกมาก ขณะที่ตลาดไทยมีการแข่งขันสูง แม้ว่า MFIL ตอนนี้กำไรจะยังไม่มาก แต่อนาคต ในเรื่องศักยภาพในการขยายธุรกิจสูงมาก ซึ่ง TK ได้เล็งเห็นโอกาสและได้เริ่มไปเปิดธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เป็นเวลา 6 ปีแล้ว” นายประพลกล่าวสรุป
ทั้งนี้ TK ยังคงเดินหน้าบริหารธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์ที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศและเชื่อมโยงไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น ทั้งการขยายสาขาในประเทศที่ดำเนินกิจการอยู่ และการขยายธุรกิจเข้าไปในประเทศใหม่ๆ ในทุกรูปแบบของการลงทุนเมื่อมีโอกาสที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
อนึ่ง MFIL เป็นหนึ่งในบริษัทไมโครไฟแนนซ์ที่มีชื่อเสียงในพม่า ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแล บริษัทก่อตั้งในปี 2557 ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 13 สาขา มีฐานลูกค้าประมาณ 70,000 ราย ครอบคลุมรัฐที่สำคัญ ได้แก่ Yangon, Bago และ Mon รวมถึงมีแผนงานที่จะเปิดสาขาเพิ่มใน Ayeyarwady และ Mandalay นอกจากนี้ยังมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ ดังนั้น การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้บริษัทสร้างโอกาสใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น พร้อมสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งในตลาดที่มีความน่าสนใจและเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นการช่วยให้สามารถเพิ่มกำไรต่อหุ้น (EPS) และผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ของฐิติกรได้ทันที โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 MFIL มีเงินให้สินเชื่อจำนวน 21,937 ล้านจ๊าต หรือเทียบเท่ากับ 439 ล้านบาท
เกี่ยวกับบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน)
บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,900 คน มีสาขาบริการรวม 75 สาขา มีบริษัทลูกในประเทศ 3 บริษัท และต่างประเทศ 3 บริษัท คือ กัมพูชา ลาว พม่า ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั้งในและนอกประเทศ โดยมีลูกค้าประมาณ 300,000 ราย