บล.เอเซีย พลัสชี้สถานการณ์โควิด-19 หวั่นทำเกิดเหตุการณ์ “Sell in May” ซํ้ารอยในอดีต หลังมีปัจจัยสนับสนุน แนะเตรียมรับมือความผันผวนของตลาด เลือกลงทุนหุ้น Defensive ราคา Laggard แนะ BTSGIF- EA
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์ ระบุว่า เหตุการณ์ Sell in May มีโอกาสซ้ำรอยอดีต แม้ความคาดหวังกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาดำเนินการถูกสะท้อนในตลาดหุ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว หลังจากที่ SET Index ฟื้นตัวขึ้นมาแรงกว่า 30% จากจุดต่ำสุดของปี จนใกล้เคียงระดับเป้าหมายพื้นฐานที่ฝ่ายวิจัยประเมิน 1,264 จุด (ระดับ P/E ที่17.4 เท่า) ทั้งยังต้องเผชิญกับงบไตรมาส 1/63 ที่มีโอกาสหดตัวแรง ถ่วงดัชนีตลาดหุ้นให้มีโอกาสย่อตัวลงเหมือนกันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ปัญหาโควิดที่ยังอยู่อาจเป็นการตอกย้ำให้เกิดเหตุการณ์ “Sell in May” ซํ้ารอยในอดีตที่เดือน พ.ค.ตลาดหุ้นไทยมักจะปรับตัวแรงเสมอ เฉลี่ยลดลงราว 2% และเป็นการปรับตัวลงถึง 8 ปีใน 10 ปี% โดยมีปัจจัยหลักๆ 3 ปัจจัยที่มักเกิดขึ้นซ้ำๆ ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ Sell in May อยู่เสมอ
1. เดือน พ.ค.เป็นช่วงประกาศงบบริษัทจดทะเทียนในไตรมาสแรก หากออกมาตํ่ากว่าคาดมีโอกาสที่จะถูก “Sell on fact” ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในปีนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนปีนี้น่าจะทำจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ทำให้ตลาดหุ้นในช่วงเดือน พ.ค. 63 อาจไม่คึกคักมาก
2. เดือน พ.ค.เป็นเดือนที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติมักไหลออกจากตลาดหุ้นมากสุดเฉลี่ยสูงถึง 1.65 หมื่นล้านบาท
3. เนื่องจากเดือน พ.ค.เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยขึ้นเครื่องหมาย XD และจ่ายปันผลงบปี 2562 เกือบหมดแล้วกว่า 408 ใน 488 บริษัท (คิดเป็น 83% ของบริษัทที่ประกาศจ่ายปันผล) ทำให้นักลงทุนมีการโยกเงินกลับประเทศบางส่วน รวมถึงก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ยังได้มีการเก็งกำไรหุ้นแล้ว จึงไม่มีแรงซื้อที่เข้ามาหนุนตลาดเหมือนกับเดือนที่ผ่านๆ มา
แนะรับมือตลาดผันผวน เลือกหุ้น Defensive อย่าง BTSGIF EA
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนยังคงเตรียมรับมือกับความผันผวนของตลาด โดยการเลือกลงทุนหุ้น Defensive ราคา Laggard อย่าง BTSGIF EA ซึ่งราคาหุ้นทั้งสองยัง Laggard กว่ากลุ่ม และมี Valuation ที่น่าสนใจ ดังนี้
BTSGIF เป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ผันผวนตํ่า ราคายัง Laggard กว่ากลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้ร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า มีความโดดเด่นทางพื้นฐาน จากราคาหุ้น ณ ปัจุบันยังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีอยู่มากถึง 27% (Discount Book Value) พร้อมกับคาดหวังปันผลได้สูงถึง 8.8% ต่อปี
EA ทิศทางกําไรปกติ 1Q63 คาดเติบโตได้ดีทั้ง yoy และ qoq จากโรงไฟฟ้าโซลาร์ที่จะผลิตไฟได้มากขึ้นเพราะเข้าสู่ช่วง high season และได้รับผลบวกจากภัยแล้งซึ่งคาดจะทำให้ความเข้มแสงมากกว่าปกติ รวมถึงยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าลมหนุมาน 260 MW เต็มปี (เริ่มผลิตเต็มที่ตั้งแต่ช่วง 2Q62 เป็นต้นมา) หนุนภาพทั้งปี 2563 คาดกําไรปกติเติบโต 8.9%yoy มาอยู่ที่ 6.4 พันล้านบาท ทํา New High อีกครั้ง อีกทั้งเป็นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ราคา Laggard กลุ่มถือเป็นโอกาสลงทุน