ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขานรับแบงก์หั่นดอกเบี้ยเงินกู้ตามนโยบายแบงก์ชาติ LPN ระบุช่วยกระตุ้นยอดซื้อลูกค้า เชื่อโควิด-19 จบไม่เกินไตรมาส 2 ด้าน SPALI มองหนุนลูกค้าผ่อนชำระหนี้เพิ่ม 3% แต่อาจช่วยตลาดรวมได้ไม่มาก ขณะที่โบรกเกอร์เชียร์ 4 หุ้น LPN - PSH - SPALI - ORI ได้รับอานิสงส์แบงก์ลดดอกเบี้ย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์ต่างพร้อมใจกันประกาศลดดอกเเบี้ยเงินกู้ ทั้ง MLR MOR และ MRR ลง 0.4% มีผลวันศุกร์ที่ 10 เม.ย.นี้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือและลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้า
ในขณะเดียวกัน ก็ถือว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือประชาชน ในภาวะการระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอย่างรุนแรง
การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ นอกจากจะช่วยลดภาระเงินกู้ให้แก่ประชาชนแล้ว ยังคาดว่าจะมีส่วนกระตุ้นกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปด้วยในตัว และเป็นการระบายสต๊อกของผู้ประกอบการได้อีกทางหนึ่ง
SPALI รับแบงก์หั่นดอกเบี้ยหนุนลูกค้าผ่อนจ่ายเพิ่ม 3%
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า กรณีที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.4% จะช่วยหนุนให้ลูกค้าบริษัทมีความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ต่อเดือนเพิ่มมากขึ้นได้ประมาณ 3% นอกจากนี้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อบ้านขนาดใหญ่มากขึ้น อีกทั้งทำให้ลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงกู้ไม่ผ่านสามารถกู้ผ่านได้
"การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงถือว่าดีเป็นปัจจัยบวกต่อตลาด แต่ถ้าอยากให้อสังหาฯ เดินหน้าต่อ การที่แบงก์ปล่อยสินเชื่อง่ายขึ้นน่าจะเป็นคีย์หลักมากกว่า ซึ่งปัจจุบันลูกค้าบางกลุ่มที่เราคิดว่าน่าจะกู้ผ่านได้กลับไม่ผ่าน แม้ว่าในช่วงมีนาคมแบงก์จะผ่อนปรนเงื่อนไขบางอย่างให้โอนกรรมสิทธิ์ได้ง่ายขึ้น แต่ช่วงเมษายนจะกลับมายากขึ้นอีก ปัจจัยลบโดยรวมกระทบตลาดอสังหาฯ อาจมีมากกว่า" นายไตรเตชะ กล่าว
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอาจไม่ได้ช่วยให้ลูกค้าเข้ามาซื้อบ้านเพิ่มมากขึ้นจากประเด็นดอกเบี้ยถูกลง เนื่องจากภาพรวมการปล่อยสินเชื่อจากธนาคารยากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมียอดการปฏิเสธสินเชื่อประมาณ 15% จากปีก่อนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับประมาณ 10-11%
สำหรับภาพรวมยอดขาย (Presale) ในช่วงไตรมาส 1/63 ยังเติบโตดี เนื่องจากกลุ่มลูกค้ายังเดินทางเข้ามาดูโครงการจริงแม้จะมีโควิด-19 เข้ามา ซึ่งกรณีดังกล่าวส่งผลให้บริษัทเลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมออกไป 1 โครงการในช่วงไตรมาส 2/63 ส่วนโครงการแนวราบจะเปิดตัวได้ 3-4 โครงการเหมือนเดิม
ทั้งนี้ คาดว่าหากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงย้ำเป้าหมายการเติบโตในปี 2563 โดยคาดยอดขายไว้ที่ 26,000 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 24,000 ล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 30 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 25 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท แต่หากสถานการณ์ไม่ดีต่อเนื่องต้องประเมินทิศทางการดำเนินงานใหม่
*LPN เชื่อช่วยกระตุ้นยอดซื้อ คาดโควิด-19 จบไม่เกิน Q2
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า กรณีที่ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งออกมาปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ ถือเป็นการจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อทางอ้อมของลูกค้าที่สนใจในโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้อีกทางหนึ่ง และเป็นการช่วยฐานลูกค้าเดิมของธนาคาร รวมถึงเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 63 ไว้ที่ 10,000 ล้านบาท และยังคงมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ จำนวน 4 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ
"เชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดน่าจะคลี่คลายและสิ้นสุดได้ภายในไตรมาส 2/63 ขณะที่ยอดขายรอโอน (Backlog) ปัจจุบันมีมูลค่ารวมกว่า 3,600 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 63 ทั้งหมด หลังจากที่พยายามเร่งก่อสร้างและส่งมอบให้แก่ลูกค้าตามกำหนด" นายโอภาส กล่าว
KTBS เชียร์ 4 หุ้นอสังหาฯ รับอานิสงส์แบงก์ลดดอกเบี้ย
บล.เคทีบี (KTBS) เปิดเผยในบทวิเคราะห์รายวันว่า ธนาคารประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่ม 0.4% วานนี้ 7 ธนาคาร (KBANK, BBL, SCB, KTB, TMB TBANK, BAY, CIMBT) ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR, MOR และ MRR 0.40% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ประเมินว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเป็นบวกต่อกลุ่ม property (LPN, PSH, SPALI, ORI) เนื่องจากการปรับลดดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนของผู้ซื้อลดลง และจะช่วยให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลงด้วย
สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าจะได้ผลบวกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะเป็นผู้ประกอบการกลุ่มตลาดกลาง-ล่างที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยมากกว่า ได้แก่ LPN, PSH, SPALI, ORI ซึ่งเราประเมินว่าจะส่งผลเชิงบวกในแง่ sentiment ระยะสั้น โดยยังให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มอสังหาฯ เป็น Neutral หุ้น top pick ได้แก่ ORI (ซื้อ/5.50 บาท), SPALI (ซื้อ/20.00 บาท)