ในปัจจุบันภาครัฐได้รณรงค์เรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing โดยให้คนอยู่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 จากการเดินทาง และลดความแออัดในพื้นที่สาธารณะ แต่เมื่อพูดถึงการอยู่รวมกันในบ้าน หลายคนอาจมีความกังวลว่าจะเป็นพาหะนำเชื้อกลับเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะครอบครัวใหญ่ที่มีผู้สูงอายุและเด็ก ดังนั้นการเพิ่มระยะห่างภายในบ้าน จึงเป็นอีกทางเลือกที่เราสามารถทำได้จากการจัดสรรพื้นที่ สร้างระยะห่างด้วยการกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนนั่นเอง
“การกั้นห้อง” ได้ยินแล้วเหมือนต้องรื้อบ้านทำใหม่ยังไงอย่างงั้น แต่จริงๆ แล้ว การกั้นห้องสามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็ว เสร็จไวกว่าที่คิด ด้วยการใช้ระบบผนังเบา หรือระบบผนังยิปซัมตราช้าง และเพื่อความแข็งแรงทนทานควรเลือกใช้แผ่นยิปซัมที่มีความหนา 12 มิลลิเมตรขึ้นไปในการกั้นห้อง นอกจากนี้ ยังมั่นใจได้ว่าผนังจะสวย เรียบเนียนไร้รอยต่อ และเข้าอยู่ได้ทันที
การกั้นห้องด้วยระบบผนังยิปซัม ยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้อยู่อาศัยในแต่ละห้องได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง ห้องนอนส่วนตัวของน้องชาย อยากจะเปิดทีวีดูคอนเสิร์ตดังๆ ก็สามารถทำได้เต็มที่โดยที่ไม่ไปรบกวนห้องพี่สาวข้างๆ ที่กำลังประชุมผ่านทางออนไลน์ เนื่องจากคุณสมบัติของผนังยิปซัมตราช้างสามารถกันเสียงรบกวน หรือป้องกันเสียงเล็ดลอดออกจากห้องได้ดี ด้วยค่ากั้นเสียงตั้งแต่ 41-53 เดซิเบล โดยติดตั้งภายใต้เงื่อนไขตามคำแนะนำยิปซัมตราช้าง
นอกจากนี้ ในสถานการณ์ที่ต้องทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home เราอาจปรับห้องนอนส่วนตัวมาเป็นมุมทำงานในขณะที่ Wi-Fi Router ติดตั้งอยู่ด้านนอกอาจมีความกังวลเรื่องสัญญาณไวไฟว่าจะถูกลดทอนลงหรือไม่ ถ้าไม่พูดถึงความแรงของตัวรับส่งสัญญาณ ผนังกั้นห้องเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกับการส่งผ่านสัญญาณไวไฟดังนั้น เลือกใช้ผนังกั้นห้องยิปซัมตราช้างมีคุณสมบัติไม่กันสัญญาณไวไฟ ทำงานได้ไม่สะดุด อีกทั้งยังมีค่าการนำความร้อนต่ำ ไม่สะสมความร้อน มีส่วนช่วยให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าในบ้านได้อีกทาง
ผนังยิปซัมตราช้างทุกรุ่นยังได้รับการออกแบบตามหลักการทางวิศวกรรม และมาตรฐานการทดสอบสากล ทำให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยไร้ฝุ่น และไม่มีแร่ใยหิน รวมถึงสามารถสร้างความเป็นส่วนตัว และเพื่อรักษาระยะห่างภายในบ้าน สร้างความอุ่นใจในช่วงเวลาแบบนี้ ยิปซัมตราช้างขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระยะปลอดภัยของทุกคนในบ้าน ด้วยการกั้นระยะห่างแต่ไม่กั้นระยะห่วง
อย่างไรก็ตาม การรักษาระยะห่างเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ช่วยป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่ที่สำคัญคือ ต้องช่วยกันดูแลควบคุมสุขลักษณะของตัวเองและภายในบ้านให้ดี หมั่นล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ หรือจุดที่ต้องสัมผัสร่วมกัน อีกทั้งพูดคุยกันให้มากขึ้นกับคนในครอบครัวเพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อความปลอดภัยกันถ้วนหน้า