บล.ไอร่าจัดกระบวนทัพการลงทุนเดือนเมษายน ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัว หลังปรับลงแรง ประกอบกับมาตรการเยียวยาในการพยุงเศรษฐกิจของแต่ละประเทศทั่วโลกจะส่งผลเชิงบวกส่อแววให้การกระตุ้นเศรษฐกิจฟื้น หลังจากประสบวิกฤต Covid-19 ป่วน พร้อมกรอบดัชนีแนวรับแรกที่ 1,080 จุด และแนวรับถัดไป 970 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,240 จุด และแนวต้านถัดไป 1,320 จุด แนะชูหุ้นน่าลงทุน ทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่ม “Value Play” มีการจ่ายปันผลต่อเนื่อง
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนเมษายนว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้น โดยมองกรอบดัชนีแนวรับแรกที่ 1,080 จุด และแนวรับถัดไป 970 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,240 จุด และแนวต้านถัดไป 1,320 จุด หลังจากดัชนีมีการปรับตัวลดลงกว่า 30% YTD จากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย P/E -2SD ที่ 16 เท่า ซึ่งเป็นผลจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ขณะเดียวกัน จากแผนการออกมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 รวมทั้งการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่องของธนาคารกลางหลายๆ ประเทศ พร้อมการทำ Unlimited QE และการขยายขอบเขตการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มากขึ้นของ FED ทำให้เกิดกระแสเงินทุนส่วนเกินไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดหุ้นไทย
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนเข้ามาจากตัวเลข PMI ภาคการผลิต-ก.พ.ของจีน อยู่ที่ 52.0 มากกว่าที่ตลาดคาด ซึ่งกลับเข้าสู่ภาวะโอกาสการขยายตัว หลังสถานการณ์ Covid-19 ของจีนคลี่คลาย ทำให้มองว่าจะช่วยพลิกฟื้นและคืนความเชื่อมั่นการลงทุน และคาดช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นในภูมิภาคฟื้นตัวขึ้นได้
ปัจจัยเชิงบวก
การผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางที่สำคัญต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง Unlimited QE ของ FED และมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของไทย
ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง
กองทุน SSF (พิเศษ) เริ่มขายในเดือนนี้
พร้อมกันนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสฟื้นตัวด้วยเช่นกัน หลังจากลงไปแถวบริเวณ 20 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงต้นทุนน้ำมันดิบเฉลี่ยของซาอุดีอาระเบีย ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ส่งสัญญาณเข้าแทรกแซงปัญหาสงครามน้ำมันระหว่างซาอุฯ-รัสเซีย ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หนุนตลาดฟื้นตัว
ฝ่ายวิจัยยังประเมินอีกว่า ในส่วนการปรับลดเป้าหมาย GDP ปี 63 จาก +2.8% เป็น -5.3% ของ ธปท. รวมทั้งความกังวลเศรษฐกิจไทยถดถอยทางเทคนิค คาดตลาดรับรู้ไปบ้างแล้วบางส่วน ส่งผลให้ยังเป็นปัจจัยจำกัดการฟื้นตัวของตลาดได้
ดังนั้น จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนให้นักลงทุนระยะกลาง-ยาวที่รับความเสี่ยงได้สูง พร้อมทยอยซื้อสะสมหุ้นในกลุ่ม “Value Play” ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง อีกทั้งราคาปรับตัวลดลงมาแรงและอยู่ต่ำกว่าราคาเหมาะสมค่อนข้างมาก รวมถึงมีการจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยแนะนำหุ้นน่าลงทุนในช่วงเดือนเมษายนนี้ ได้แก่ ADVANC, AP, CPF, GPSC, KTB และ SCC