ASP เผยโควิด-19 ระบาดถล่มตลาดหุ้นกระทบธุรกิจทุกช่องทาง เน้นบริหารสภาพคล่องรองรับปัจจัยกดดัน พร้อมมองว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ยังเป็นโอกาสให้นักลงทุนที่มองหาจังหวะในการลงทุนเพิ่ม หรือเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนหุ้นที่มีอยู่แล้วสามารถเข้าลงทุนได้
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) เปิดเผยว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความกังวลและความไม่มั่นใจในการลงทุนของลูกค้า หลังจากที่มีการแพร่ระบาดในหลายประเทศ และส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง และส่งผลกระทบต่อเกือบทุกธุรกิจ ซึ่งมีผลส่งต่อมายังการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ โดยเฉพาะตลาดทุน หลังจากนักลงทุนเกิดความกังวลและไม่มั่นใจในการลงทุนสะท้อนมายังตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงแรง
ตลาดหุ้นไทย ดัชนีปรับตัวลดลงไปราว 30% จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลมาถึงธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (Brokerage) ค่อนข้างมาก ขณะที่ลูกค้ามีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น และใช้หลักประกันในบัญชีมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการลงทุน ส่วนธุรกิจการบริหารจัดการสินทรัพย์และกองทุนก็ยังเห็นการชะลอการตัดสินใจเข้าลงทุนในช่วงนี้ ทั้งกองทุนที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ เนื่องจากลูกค้ายังไม่มั่นใจในการลงทุน
ส่วนธุรกิจวาณิชธนกิจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ลูกค้าตัดสินใจเลื่อนการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ไปก่อน จากภาวะตลาดที่ผันผวนและปัจจัยกดดันที่ส่งผลต่อทิศทางขาลงของตลาดหุ้นไทย และในช่วงที่ผ่านมา IPO ที่เข้ามาซื้อขายส่วนใหญ่ราคาต่ำจอง
ทั้งนี้ ในปี 62 สัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็น รายได้จากธุรกิจ Brokerage 40% รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ 26% รายได้จากการลงทุน 18% และรายได้ธุรกิจวาณิชธนกิจ 16%
สำหรับการปรับตัวของบริษัทจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 จะเน้นไปที่การดูแลลูกค้าให้มากที่สุด ช่วยเหลือและให้คำแนะนำแก่ลูกค้า ประกอบกับการบริหารจัดการด้านสภาพคล่องของบริษัทให้มีความพร้อมรองรับกับปัจจัยกดดันที่มากระทบ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีหนี้สินไม่มาก โดยมีอัตรส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.4 เท่า และมีฐานทุนที่ใหญ่เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม ทำให้หากมีปัจจัยที่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจรุนแรงมากขึ้น บริษัทมีความพร้อมและความแข็งแกร่งในตัวธุรกิจ
นายก้องเกียรติ กล่าวว่า บริษัทมองว่าในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ยังเป็นโอกาสให้นักลงทุนที่มองหาจังหวะในการลงทุนเพิ่ม หรือเพิ่มน้ำหนักในการลงทุนหุ้นที่มีอยู่แล้วสามารถเข้าลงทุนได้ และเป็นช่วงที่นักลงทุนหน้าใหม่ที่ยังมีประสบการณ์ไม่มากเข้ามาเริ่มลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากการปรับตัวลงแรงในครั้งนี้เปรียบเสมือนกับการกลับมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะหุ้นบางตัวที่ราคาถือว่าถูกกว่าปัจจัยพื้นฐาน ทำให้นักลงทุนมีโอกาสลงทุนหุ้นที่มีพื้นฐานดี