บล.โกลเบล็กชี้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสหลุด 1,200 จุด หลังปรับตัวต่ำสุดในรอบ 4 ปีในช่วงต้นสัปดาห์ (1,255 จุด) จากปัจจัยด้านลบที่กระหน่ำเข้ามาเป็นระยะทั้งสงครามสหรัฐฯ-อิหร่าน ต่อมาด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และล่าสุดสงครามราคาน้ำมัน จึงแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น Defensive หุ้น High Dividend หุ้นได้ประโยชน์หาก กนง.ลดดอกเบี้ย ส่วนราคาทองคำมีแต่ทำนิวไฮต่อเนื่อง คาดกรอบการเคลื่อนไหวทองคำที่ระดับ 1,675-1,720 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และ LIBOR ปรับตัวลงต่อ การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เพิ่มขีดอันตรายมากขึ้น และราคาน้ำมันปั่นป่วน
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังจากซาอุฯ เปิดฉากสงครามราคาน้ำมันโดยได้ออกมาตอบโต้รัสเซียด้วยการปรับลดราคาน้ำมัน และพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายนนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดจากรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง และส่งผลเชิงลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานราคาน้ำมันร่วงหนักในต้นสัปดาห์ฉุดให้ดัชนีลงมาต่ำสุด 1,255.94 จุด ถือเป็นการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปีนับจากวันที่ 7 ม.ค. 2559 ที่ดัชนี SET ปิดต่ำสุดที่ระดับ 1,224.83 จุด
ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังกดดันตลาดต่อเนื่อง และการรายงานตัวเลขการส่งออกของประเทศจีนในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 ลดลง 17.2% ขาดดุลการค้า 7.09 พันล้านดอลลาร์สวนทางคาดเกินดุลการค้า 2.46 หมื่นล้านดอลลาร์ ยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุนต่อเนื่อง โดยคาดการณ์การเคลื่อนไหวไว้ในกรอบ 1,220-1,280 จุด และมีโอกาสที่จะปรับตัวหลุด 1,200 จุดได้หากสถานการณ์ต่างๆ เลวร้ายลงกว่าเดิม
“ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในช่วงวิกฤตและปรับตัวลดลงมาต่อเนื่องจากปัจจัยด้านลบต่างๆ ตั้งแต่ปัญหาสงครามการค้า และต่อมาด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายวงกว้างออกไป และมีผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้นสร้างความตื่นตระหนก และส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกทำให้เฟดหั่นดอกเบี้ยแบบ “ฉุกเฉิน” 0.5% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.00-1.25% และล่าสุดต้องเผชิญกับสงครามราคาน้ำมัน หลังจากผลการเจรจาของกลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรไม่เป็นผล และซาอุฯ เตรียมงัดข้อรัสเซียประกาศเพิ่มการผลิตน้ำมัน 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายนนี้”
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (10 มี.ค.) จะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังคงต้องจับตาต่อไปว่าจะมีมาตรการอะไรที่มีผลเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้มากน้อยระดับไหน
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำทยอยสะสมหุ้น Defensive เช่น RATCH, TTW, ADVANC และ CHG หุ้น High Dividend Yield เช่น KKP, TISCO และ INTUCH และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเก็งกำไรว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคมนี้ เช่น BAM, MTC, BFIT และ AMANAH สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานแนะนำ “Wait & See” โดยหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันลดลงเรียงลำดับมากไปน้อย ได้แก่ PTTEP, PTTGC PTT, TOP และ SPRC
ส่วนราคาทองคำ นายณัฐวุฒิประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และ LIBOR ยังปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 อีกทั้งซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาน้ำมันที่ส่งออกขายทั่วโลกลง 6-8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและมีแผนผลิตน้ำมันเพิ่มเป็นมากกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน เม.ย. 63 ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันปรับตัวลง ส่งผลให้นักลงทุนหันมาซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม มองกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,675-1,720 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 24,860-25,600 บาทต่อบาททองคำ