นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า “ก.ล.ต.ได้ออกเกณฑ์รองรับการจัดตั้ง SSF เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 และเพื่ออำนวยความสะดวก ให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) สามารถเสนอขายกองทุนดังกล่าวให้ผู้ลงทุนที่สนใจได้อย่างรวดเร็ว ก.ล.ต.จึงได้เปิดให้มีการอนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) แบบอัตโนมัติ (auto-approval) สำหรับ SSF ที่ไม่ได้มีลักษณะซับซ้อน ซึ่งปัจจุบัน ณ วันที่ 4 มีนาคม 2563 ก.ล.ต.ได้อนุมัติ SSF ไปแล้ว 17 กองทุน”
ทั้งนี้ หลังจากที่กฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรซึ่งเกี่ยวข้องกับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ SSF และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์ในรายละเอียด ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามลำดับแล้ว ในส่วนของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะเตรียมจัดทำประกาศเกี่ยวกับระบบในการขายคืนหน่วยลงทุนเพื่อขอความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.ในลำดับถัดไป เพื่อให้ บลจ.มีระบบงานที่เป็นมาตรฐานและสอดคล้องกับเงื่อนไขการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
สำหรับผู้ลงทุนสามารถลงทุนใน SSF โดยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุดร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประกันบำนาญ และกองทุนเกษียณอื่นๆ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท นอกจากนี้ ไม่ได้กำหนดให้ต้องลงทุนทุกปีแต่อย่างใด อีกทั้ง SSF มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งตราสารทุน ตราสารหนี้ และทรัพย์สินทางเลือก จึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เริ่มต้นวัยทำงานและประชาชนทั่วไปที่ต้องการเริ่มสะสมเงินเพื่อความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยสามารถเลือกลงทุนในนโยบายการลงทุนต่างๆ ได้ตามระดับความเสี่ยงที่ตนยอมรับได้