บล.ไอร่าประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือน มี.ค.ยังปรับตัวลงได้ต่อ จากการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ที่ลุกลามไปทั่วโลก ฉุดเศรษฐกิจไตรมาส 1/63 หดตัว พร้อมแนะจับตา กนง.เล็งหาบทสรุปทางการเงินหวังพยุงเศรษฐกิจในการประชุมในเดือนนี้ ให้กรอบดัชนีแนวรับแรกที่ 1,290 จุด และแนวรับถัดไป 1,250 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,400 จุด และแนวต้านถัดไป 1,460 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มอาหาร หุ้นพื้นฐานดี กำไรเด่น ชู CK-STEC-SEAFCO-CPF-ADVANC-AP-ASK-GULF สดใส
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือนมีนาคม โดยระบุว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวลงได้ต่อจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ลุกลามไปทั่วโลก ทำให้ตลาดอยู่ในสภาวะ Risk-off พร้อมความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงไทยไตรมาส 1/2563 ที่มีโอกาสชะลอตัวรุนแรง และแนวโน้มการปรับประมาณการ EPS ของตลาดลงหลังผลประกอบการไตรมาส 4/2562 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
รวมถึงแรงกดดันต่อกลุ่มธนาคารทั้งจากการปรับเกณฑ์การคิดค่าธรรมเนียมของธนาคาร ซึ่งคาดครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินและกลุ่มลูกค้าเกือบทั้งหมด และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. วันที่ 25 มี.ค. นี้ จากก่อนหน้ามีความกังวลต่อ NPL ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หลังหลายธุรกิจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ซบเซา
ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแบบ “ฉุกเฉิน” 0.5% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.00-1.25% เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ “โควิด-19” ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งการลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการประชุมรอบปกติในวันที่ 17-18 มี.ค. 2563
อย่างไรก็ตาม ตลาดมีโอกาสเกิด Technical Rebound ได้บ้าง หลังดัชนีปรับตัวลงค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา จากปัจจัยกระตุ้นเชิงบวกเล็กๆ แต่ยังไม่สามารถชดเชยปัจจัยกดดันข้างต้น ทำให้มองเป็นโอกาสในการขายลดความเสี่ยงเมื่อตลาดหุ้นดีดตัว โดยทางเทคนิคมีแนวรับแรกที่ 1,290 จุด และแนวรับถัดไป 1,250 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,400 จุด และแนวต้านถัดไป 1,460 จุด
ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง อาทิ กนง. จะมีการประชุมในวันที่ 25 มีนาคมนี้ รวมทั้งติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่สร้างความตระหนกให้แก่นักลงทุนเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และยังคงต้องดูสถานการณ์ราคาน้ำมัน คาดว่ามีโอกาสปรับขึ้นได้ หากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันขยายระยะเวลาการลดการผลิตออกไปจากเดิมครบกำหนดเดือนมีนาคมนี้
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนเป็นชะลอการลงทุนออกไปก่อน โดยเข้าสู่โหมด Wait and See และถือเงินสดหรือทองคำไว้ในพอร์ตเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนระยะยาว และรับความเสี่ยงได้สูง แนะนำหาโอกาสในการทยอยเข้าสะสมหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบแต่ราคาปรับตัวลงตามตลาด เช่น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC และ SEAFCO รองลงมาหุ้นกลุ่มอาหาร เช่น CPF ซึ่งราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาแรง และหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวตามปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจ และเป็นโอกาสในการเข้าสะสม โดยมีหุ้นแนะนำสำหรับเดือนมีนาคมที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC, AP, ASK, CPF, GULF และ SEAFCO เป็นต้น