xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นทองแตะ 25,000 หากโควิด-19 ยังไม่จบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.โกลเบล็กมองทองคำไทยมีโอกาสแตะ 25,000 บาทเร็วๆ นี้หากสถานการณ์โควิด-19 ยังไม่หยุดลุกลาม ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจ ควรเน้นประคับประคองก่อนในช่วงต้น ก่อนคิดถึงมาตรการกระตุ้นในระยะต่อไป

นายสัญญา หาญพัฒนกิจพานิช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก มองสถานการณ์ราคาทองคำขณะนี้ว่ายังถือว่าเป็นขาขึ้นอยู่จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ราคาทองคำในตลาดโลกจะลดลงมาบ้างก็ตาม โดยมองแนวรับหลักๆ ที่ไม่ควรหลุดเลย คือ 1,515 เหรียญต่อออนซ์ ถ้าราคาทองในตลาดโลกต่ำกว่าระดับดังกล่าวจะถือว่าขาขึ้นรอบใหญ่ของทองคำหมดไปแล้ว

สำหรับแนวคิดการลดดอกเบี้ย หากเกิดขึ้นจริงจะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ หากย้อนกลับไปตอนวิกฤตซับไพรม์จะพบว่าเมื่อมีการปรับลดดอกเบี้ย ตลาดหุ้นขึ้น และทองคำราคาขึ้นด้วย ที่สำคัญมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังมีกระสุนให้ใช้อีกไม่น้อย เพราะดอกเบี้ยสหรัฐฯ ขณะนี้อยู่ที่ร้อยละ 1.75 ยังมีช่องว่างให้ใช้นโยบายลดดอกเบี้ยได้อยู่ ดังนั้นทองคำจึงถือว่ายังมีปัจจัยหนุนอยู่

“โอกาสที่ราคาทองจะลงไปที่ 22,500 บาทต่อบาททองคำก็มีโอกาสจะเป็นไปได้ แต่ไม่ควรต่ำกว่านี้ ส่วนแนวต้าน 25,000 บาทต่อบาททองคำก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะขึ้นไปทดสอบที่ระดับดังกล่าวได้เช่นกัน โดยปัจจัยสำคัญคือ โควิด-19 ถ้าสถานการณ์ระบาดยังมีในประเทศอื่นๆ ก็มีโอกาสที่ราคาทองคำอาจจะขึ้นไปทดสอบที่ 25,000 เร็วๆ นี้” นายสัญญากล่าว

ทั้งนี้ ราคาทองคำล่าสุด (12.00 น.) ที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ ทองคำแท่งขายออกบาทละ 23,900 บาท และทองคำรูปพรรณขายออกที่บาทละ 24,400 บาท

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย คาดการณ์ว่าผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจไทยประมาณ 1-2 ไตรมาส ตัวเลขจีดีพีอาจจะชะลอตัว ตัวเลขการท่องเที่ยวชะลอลง การส่งออกก็ชะลอตัว การบริโภคก็จะลดลง แต่เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยระยะสั้น ขณะนี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจจีนบ้างแล้ว เชื่อว่าจะมีทางออกและฟื้นตัวได้ในที่สุด ซึ่งที่ต้องติดตามคือการฟื้นตัวจะเป็นรูปแบบใด ส่วนใหญ่เมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว เช่น เป็นตัว V แต่ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ การฟื้นตัวอาจจะไม่เร็วนัก สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน ทุกฝ่ายคงต้องช่วยกันออกแบบให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว

สำหรับมาตรการการเงิน เช่น การลดดอกเบี้ย แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้เกิดการกู้ยืมเพิ่มขึ้น แต่อย่างน้อยก็จะลดภาระทางการเงิน และช่วยทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้ ซึ่งจะมีผลบวกต่อการส่งออกของประเทศในที่สุด ขณะที่มาตรการการคลังจะเป็นส่วนสำคัญขณะนี้ โดยมองว่าควรเป็นลักษณะการประคองเศรษฐกิจระยะเริ่มต้น ก่อนจะใช้มาตรการกระตุ้นในช่วงต่อไป

“ตัวอย่างของการใช้มาตรการประคองเศรษฐกิจ เช่น 1. โครงการงานแลกเงิน แทนที่จะแจกเงิน เปลี่ยนเป็นการสร้างงานให้คนทั่วประเทศแล้วมีค่าจ้างให้ จะเกิดผลทั้งทางเศรษฐกิจและความภาคภูมิใจ 2. คือ การเสริมสภาพคล่อง เพราะหากเอสเอ็มอีขาดเงินทุนอาจจะล้มได้ 3. หนุนการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ให้ลงไปในระดับชุมชน กระจายไปให้ได้มากที่สุด และ 4. ใช้มาตรการลดภาษีให้บุคคลธรรมดา เพื่อลดค่าใช้จ่าย และมนุษย์เงินเดือนเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย” นายอมรเทพกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น