พรินซิเพิลมองหุ้นไทยปรับฐานเป็นจังหวะทยอยซื้อ REIT และหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาลงแรง ชูธีมการลงทุน Risk Velocity รับมือความเสี่ยงในภาวะตลาดหุ้นผันผวน แนะจัดพอร์ตกระจายเงินลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์
นายวิน พรหมแพทย์ CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ประเมินผลกระทบในด้านต่างๆ ได้แก่ ผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะไม่ชะลอตัวถึงขั้นติดลบ และจะเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังของปีนี้
ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงมากที่สุด สะท้อนจากอัตราผลตอบแทน YTD (นับจาก 1 ม.ค.-28 ก.พ. 2562) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อยู่ที่ -15.15% ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน บลจ.พรินซิเพิลมีคำแนะนำภายใต้ธีมการลงทุน ‘Risk Velocity’ อัตราเร็วของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นภาวะที่ราคาสินทรัพย์กับทิศทางเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกัน ทำให้ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ดังกล่าวมีมุมมองการวางแผนลงทุนในสินทรัพย์แต่ละกลุ่ม ได้แก่ ตราสารหนี้ นับตั้งแต่ปลายปี 2562 บลจ.พรินซิเพิลได้เพิ่ม Duration (อายุเฉลี่ย) ของพอร์ตลงทุนตราสารหนี้ จึงได้รับประโยชน์จากทิศทางอัตราผลตอบแทนที่ปรับลดลง ทำให้มูลค่าของตลาดพันธบัตรและหุ้นกู้ปรับเพิ่มขึ้น
ตราสารทุน ผู้จัดการกองทุนได้เพิ่มสัดส่วนถือครองเงินสดและสินทรัพย์สภาพคล่องในเดือนมกราคมปีนี้เป็น 8-10% จากเดิม 3-5% ทำให้พอร์ตลงทุนปรับลดลงต่ำกว่าดัชนีอ้างอิง และมีกระแสเงินสดเพื่อรอลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีที่ราคาปรับลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน และสินทรัพย์ทางเลือก ได้แก่ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) โดยเน้นการลงทุนสินทรัพย์คุณภาพดี มีอัตราค่าเช่าสูงและมีรายได้ค่าเช่ามั่นคง เน้นกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ อาคารสำนักงานและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวไม่มาก และแทบไม่ได้รับผลกระทบทางธุรกิจ แม้ว่าความกังวลในปัจจุบันจะกระทบตลาดหุ้นปรับลดลง แต่กลุ่มสินทรัพย์ทางเลือกยังให้ผลตอบแทน YTD สูงกว่าดัชนี SET Index และมองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยรอบนี้เป็นจังหวะดีที่จะทยอยลงทุนเพิ่มขึ้นใน REIT คุณภาพที่มีราคาลดลง