ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลปัญหาภัยแล้งและการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส กดดันให้เกิดแรงเทขายอย่างหนักจนหุ้นไทยปรับตัวลบหลุด 1,500 จุด ชี้ตลาดหุ้นไทยมีนักลงทุนระยะสั้นมากเกินไป จะเทขายหนักเมื่อไม่สามารถทำกำไรได้
นายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยถึงภาพรวมการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยอย่างหนัก จนหลุดระดับ 1,500 จุดหลังจากที่ได้เข้าพบ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ ว่า จากการที่ดัชนี SET INDEX ปรับลดลงอย่างมากในช่วงการซื้อขายภาคเช้า ที่ปรับตัวลดลงถึงกว่า 20 จุด ก่อนที่ล่าสุด ณ เวลา 12.12 น. อยู่ที่ระดับ 1492.75 จุด ลดลง 12.79 จุด หรือ 0.85% มูลค่าการซื้อขาย 4.46 หมื่นล้านบาท โดยการที่ดัชนีฯปรับตัวลดลงมาอย่างมากนั้น เนื่องจากการที่นักลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยระยะสั้น ได้แก่ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19) มากเกินไป แม้ว่าในระยะแรกจะมีการปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะตลาดทุนสำคัญๆทั่วโลกปรับตัวลดลงเช่นกัน และหลายๆตลาดเริ่มทยอยฟื้นตัวกลับขึ้นมาแล้ว ซึ่งหากพิจารณาภาพรวมของประเทศที่แท้จริงในขณะนี้ ถือว่ายังมีความแข็งแกร่งอยู่มาก
“สิ่งที่หน่วยงานเกี่ยวข้องกับตลาดทุนต้องทำในขณะนี้คือ การสร้างความมั่นใจต่อนักลงทุน ขณะที่ในระยะยาวเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาดูเป็นประเด็นๆไป โดยเฉพาะการดึงเม็ดเงินออมของประเทศเข้ามาตลาดให้มากขึ้น แต่ระยะสั้นเราต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะตลาดจะรู้เองว่าหุ้นควรขึ้นหรือลง แต่วันนี้นักลงทุนกังวลปัจจัยระยะสั้นมากเกินไป”
ขณะเดียวกันหลังจากการพูดคุยในโครงการตลาดทุนพบภาครัฐ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบว่านักลงทุนสถาบัน และนักวิเคราะห์ เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า ปัญหาภัยแล้ง และงบประมาณปี 2563 ที่จะเบิกจ่ายได้ตามปกติ
“มาตรการดูแลตลาดระยะสั้นคงไม่จำเป็นแล้ว เพราะตลาดทุนผ่านช่วงที่จะต้องมาพยุงตลาด โดยปัจจุบันเรามีผู้เล่นมากพอสมควร สิ่งสำคัญ คือ การสร้างความมั่นใจ ขณะที่ระยะยาวก็เป็นเรื่องที่เราต้องไปดู โดยเฉพาะการดึงเม็ดเงินออมของประเทศเข้ามาตลาดให้มากขึ้น แต่ระยะสั้นเราต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะตลาดจะรู้เองว่าหุ้นควรขึ้นหรือลง แต่วันนี้นักลงทุนกังวลปัจจัยระยะสั้นมากเกินไป” นายไพบูลย์ กล่าว