ขยะที่ถูกซุกไว้ใต้พรมในบริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ถูกขุดคุ้ยออกมาต่อเนื่อง ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหารบริษัทและพวกรวม 4 คน ในความผิดทุจริตต่อหน้าที่
นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและอดีตกรรมการผู้จัดการ IFEC พร้อมด้วยนายฐนวัฒน์ จันทร์สุวรรณ อดีตกรรมการบริหาร นางสมศรี ชูกิจสมบูรณ์ และนายอภิชาติ วัฒนภูษิตสกุณ ถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ใน ความผิดทุจริตต่อหน้าที่ ทำให้ IFEC ได้รับความเสียหาย
ผู้ถูกกล่าวโทษทั้ง 4 คน ได้ร่วมกันซื้ออาคารสำนักงานใหม่ 7 ชั้นของ IFEC ในราคา 60 ล้านบาท โดยซื้อจากนางสมศรี แต่ชำระเงินจริงเพียง 40 ล้านบาท โดยเงินอีก 20 ล้านบาท ถูกนำไปใช้ประโยชน์ของนายสิทธิชัย และนายอภิชาติ และนอกจากการกล่าวโทษต่อ ปอศ.แล้ว ก.ล.ต.ยังแจ้งต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ด้วย
นายสิทธิชัย เคยเป็นมาร์เกตติ้งหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของบริษัทหลักทรัพย์ ก่อนจะถูกนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ อดีตประธานกรรมการ IFEC เข้ามาร่วมลงทุนใน IFEC แต่ต่อมาเกิดความขัดแย้ง จนนายสิทธิชัย ลาออกจากการบริหารงานกลุ่ม IFEC เมื่อปลายปี 2559 และเกิดการฟ้องร้องกันไปมาในหลายคดี
แต่คดีที่นายสิทธิชัย ฟ้องนายวิชัย ในข้อหาฟ้องเท็จ ศาลตัดสินจำคุกนายวิชัย เป็นเวลา 2 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อปลายปี 2562 นายสิทธิชัยและภรรยา นางกนกวรรณ พรทรัพย์อนันต์ พร้อมพวกรวม 8 ราย ถูก ก.ล.ต.ดำเนินคดีทางแพ่ง ในความผิดสร้างราคาหุ้นบริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR และสั่งปรับนายสิทธิชัย เป็นเงิน 4.5 ล้านบาท
IFEC เป็นอีกหนึ่งตำนานของบริษัทจดทะเบียนที่มีพฤติกรรมโกงกันมโหฬาร โกงกันจนกิจการล่มสลาย หุ้นถูกพักการซื้อขายมากกว่า 2 ปี และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูฐานะการดำเนินงานโดยคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่
คดีการทุจริตของนายสิทธิชัย และพวก เป็นเพียงหนึ่งในคดีโกงภายในบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้เท่านั้น และน่าจะมีคดีอื่นๆ ทยอยตามมา
หุ้น IFEC เคยเป็นหุ้นเก็งกำไรที่ร้อนแรง มีการสร้างข่าวดีกระตุ้นราคา มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทโบรกเกอร์หลายแห่ง เชียร์ให้นักลงทุนเข้าไปเก็งกำไร แต่นักลงทุนที่แห่เข้าไปซื้อหุ้นต้องเสียหายอย่างหนัก เพราะปลายปี 2560 บริษัทผิดนัดชำระหนี้ ไม่สามารถนำส่งงบการเงินได้ จนถูกขึ้นเครื่องหมาย “เอสพี” พักการซื้อขาย ราคาหุ้นซื้อขายครั้งสุดท้ายปิดที่ 35 สตางค์
ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 3 หมื่นราย กลายเป็นเหยื่อของมหากาพย์แห่งการโกงภายใน IFEC
นายสิทธิชัย ก่อนหน้าที่จะเข้าร่วมกับนายวิชัยเข้ามาถือหุ้นใน IFEC เป็นเพียงมาร์เกตติ้งที่ไม่มีฐานะมั่งคั่งมากนัก แต่เพียงเวลาไม่กี่ปีที่เป็นผู้บริหาร IFEC กลายเป็นคนฐานะดีอย่างผิดหูผิดตา และมีเงินที่จะปั่นหุ้น TSR
การถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษในการทุจริตซื้อที่อาคารสำนักงาน IFEC เป็นส่วนหนึ่งของคำตอบว่า ทำไมฐานะของนายสิทธิชัยจึงเปลี่ยนไป กลายเป็นเศรษฐีในตลาดหุ้นคนหนึ่ง ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนกว่า 3 หมื่นคน กลายเป็นผู้ที่ต้องจนลง
นายสิทธิชัย กำลังต้องชดใช้พฤติกรรมที่ก่อไว้แล้ว ถูกกล่าวโทษในคดีอาญา ข้อหาโกงการซื้ออาคารสำนักงานใหม่ IFEC และยังจะต้องถูก ปปง.ตามแกะรอยเส้นทางการเงิน ตามความผิดกฎหมายการฟอกเงิน โดย ความมั่งคั่งที่ได้มาจากการโกง อาจถูกยึด
แต่คดีโกงไม่น่าจบเพียงแค่กรณีทุจริตซื้ออาคารสำนักงานวงเงิน 60 ล้านบาทเท่านั้น และนายสิทธิชัย ไม่น่าจะเป็นอดีตผู้บริหาร IFEC คนสุดท้ายที่ถูกดำเนินคดีอาญา เพราะน่าจะมีคดีทุจริตอื่นๆ และมีอดีตผู้บริหารคนอื่นๆ ที่ร่วมสร้างความเสียหายให้ผู้ถือหุ้นต้องชดใช้กรรมตามมา
การนำตัวอดีตผู้บริหารที่ร่วมกันโกงจนบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ล่มสลาย เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเยียวยาจิตใจผู้ถือหุ้นกว่า 3 หมื่นรายที่สูญเสียจาก IFEC