MONO ร่อนหนังสือชี้แจงสื่อปมเลิกจ้างพนักงานกว่า 200 คนเหตุจากต้องการลดรายจ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น จากธุรกิจที่ไม่ทำกำไรคือ สิ่งพิมพ์ ธุรกิจจองห้องพักออนไลน์ และ mobile value added services (MVAS) พร้อมปรับกลยุทธ์เน้นดันเรตติ้งช่อง หวังแนวโน้มค่าโฆษณาที่จะเพิ่มขึ้นจากราคา 1.5 แสนบาท เป็น 3 แสนบาทในปี 2563
บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO ส่งหนังสือชี้แจงเหตุเลิกจ้างพนักงานกว่า 200 คนว่า กรณีการเลิกจ้างพนักงานเครือ โมโน กรุ๊ป ในเดือน มกราคม 2563 เพื่อป้องกันการสื่อสารที่สับสนเกี่ยวกับเหตุผลที่แท้จริงในเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ขอชี้แจงใน 3 ประเด็นสำคัญดังนี้คือ บริษัทฯ ได้ตัดสินใจที่จะ
1. มุ่งเน้นธุรกิจที่ทำกำไร ได้แก่ สถานีโทรทัศน์ MONO29 บริการวีดีโอออนดีมานต์ MONOMAX และการจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น งานคอนเสิร์ต มหกรรมเคาน์ดาวน์ปีใหม่ที่พัทยา โร้ดโชว์ตามสถานศึกษา กิจกรรมแข่งขันบาสเกตบอล และกิจกรรมการตลาดออนไลน์
2.ปรับกระบวนการทำงานของธุรกิจออนไลน์ ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ
3.หยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร หรือ ธุรกิจที่สภาพการแข่งขันเปลี่ยนไป ได้แก่ สิ่งพิมพ์ ธุรกิจจองห้องพักออนไลน์ และ mobile value added services (MVAS)
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จึงวางแผนที่จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ และปรับกระบวนการทำงานใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดการปรับลดจำนวนพนักงานในครั้งนี้ โดยการปรับลดพนักงาน ได้ผ่านกระบวนการทางทรัพยากรบุคคลและกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังควบคุมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น การใช้งบการตลาดที่แม่นยำรัดกุมยิ่งขึ้น เป็นต้น โดยรวมแล้วส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการ (operation expense) ลงประมาณ 20 - 30%
นอกจากนี้เมื่อประกอบกับแผนการปรับราคาขายโฆษณาทีวีให้สูงขึ้นสอดคล้องกับเรทติ้งช่อง MONO29 ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม prime time package ราคา 150,000 บาท เป็นราคา 300,000 บาทในปี 2563 จะส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาส ที่จะเริ่มกลับมามีกำไรอีกครั้ง
ทั้งนี้จากผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี บริษัท ฯ มีกำไรสุทธิเพียง 58.17 ล้านบาท ในงวดบัญชีปี 2560 เท่านั้น ขณะที่ปี 2559 บริษัทขาดทุนสุทธิ -249.55 ล้านบาท และ งวดบัญชีปี 2561 ขาดทุนสุทธิกว่า -193.27 ล้านบาท ล่าสุดงวดบัญชีไตรมาส 3/62 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 บริษัทขาดทุนสุทธิกว่า -384.98 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้นปิดตลาด วันนี้ (21 มกราคม 2563) อยู่ที่ 1.00 บาท/หุ้น ปรับตัวลดลง -0.06 บาท/หุ้น หรือ -5.66%
ด้าน บล.หยวนต้า ให้มุมมองต่อหุ้น MONO ว่า คงคำแนะนำ "ขาย" ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นลบต่อธุรกิจเดิมของบริษัท ขณะที่ธุรกิจทีวียังคงเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นเนื่องจากผู้บริโภคหันไปบริโภคสื่อออนไลน์แทนสื่อทีวี และแม้บริษัทจะดำเนินธุรกิจแบบให้บริการสมาชิกออนไลน์ผ่าน MONOMAX แต่ยังต้องใช้เวลาพิสูจน์กับความท้าทายการแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลกอย่าง Netflix เบื้องต้นเราคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 1.60 บาทด้วยวิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 8.4% บนสมมติฐาน Long term growth ที่ 2%