แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ยอมรับยอดขาย รายได้ปี 62 พลาดเป้าจากต้นปีตั้งไว้ที่ 33,000 ล้านบาท ทำได้แค่ 26,000 ล้านบาท เหตุเศรษฐกิจไม่ดีฉุดความเชื่อมั่นผู้บริโภค ปี 63 ตั้งเป้ายอดขาย รายได้ 28,000 ล้านบาท เปิด 16 โครงการ มูลค่า 30,535 ล้านบาท
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2562 ยอมรับว่ายอดขาย รายได้พลาดเป้าไปประมาณ 22% โดยสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 25,000-26,000 ล้านบาทเท่านั้น จากเป้าหมายยอดขายที่ตั้งเอาไว้ในช่วงต้นปีที่ 33,000 ล้านบาท ส่วนยอดขายรับรู้รายได้ตั้งไว้ที่ 32,000 ล้านบาท ก็เชื่อว่าจะไม่ได้ตามเป้าหมายเช่นเดียวกัน โดยสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แม้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบหรือยังมีเงินในกระเป๋า แต่จะไม่ซื้อเนื่องจากขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่กลุ่มผู้ซื้อบางส่วนเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไร
ทั้งนี้ คาดว่าตลาดอสังหาฯ จะค่อยๆ มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ซึ่งต้องอาศัยระยะเวลา โดยคอนโดฯ จะเป็นตลาดที่ใช้เวลานานกว่าบ้านแนวราบ เนื่องจากเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด มีสต๊อกคงค้างในตลาดจำนวนมากทำให้คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปีจึงจะฟื้นตัว
ส่วนในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 28,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดขาย 28,000 ล้านบาทเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุน 11,000 ล้านบาท ใช้ซื้อที่ดิน 7,000 ล้านบาท และลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า 4,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในปีนี้ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 16 โครงการ มูลค่า 30,535 ล้านบาท เป็นบ้านแนวราบทั้งหมด ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 10 โครงการ บ้านแฝด 3 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ เป็นโครงการในกรุงเทพฯ 13 แห่ง ต่างจังหวัด 3 แห่ง ซึ่งในปีนี้บริษัทยังชะลอการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมเนื่องจากเป็นตลาดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากมีที่ดินหรือมีโอกาสในการลงทุนบริษัทก็พร้อมที่จะลงทุนพัฒนา
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย 78 โครงการ โดยเป็นโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 50 โครงการ และต่างจังหวัด 28 โครงการ และมีคอนโดมิเนียมรอขายราว 10,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จมูลค่า 4,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 6,000 ล้านบาท
นายนพร กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทเตรียมเม็ดเงินลงทุนไว้ที่ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนซื้อที่ดิน 7,000 ล้านบาท อีก 4,000 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนพัฒนาโครงการประเภทให้เช่า 4-5 โครงการ ในจำนวนนี้เป็นการลงทุนพัฒนาต่อเนื่อง 2 โครงการ ที่เหลือเป็นการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมพิจารณาขายอพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกา 1 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 แห่ง มูลค่ารวม 450 ล้านเหรียญ (มูลค่า 70-100 ล้านเหรียญต่อโครงการ) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขายไปแล้ว 2 โครงการ และมีกำไรมากกว่า 10% ทุกโครงการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บิรษัทยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่ม แต่ก็พร้อมหากมีโครงการที่ดีเข้ามาเสนอขายให้ นอกจากนี้ อยู่ระหว่างศึกษาการนำสินทรัพย์ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และเตรียมออกหุ้นกู้ 14,000 ล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนด โดยคาดว่าจะทำให้ต้นทุนการเงินต่ำลง เนื่องจากอยู่ในช่วงดอกเบี้ยต่ำ
