ผู้บริหาร "ซีพีแอล กรุ๊ป" เผยปี 2562 เป็นปีที่มีความต้องการสินค้าตลาดเครื่องหนังและรองเท้าชะลอตัว หาก CPL ยังทำตลาดได้ดีต่อเนื่อง จากปริมาณลูกค้าสั่งซื้อเพิ่มขึ้น คาดปี 2563 ยังรักษาระดับยอดสั่งซื้อไว้ได้ที่ 22-23 ล้านตารางฟุต ชี้ 3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบในปีนี้อย่างใกล้ชิด วางเป้าการเติบโตของธุรกิจเซฟตี้โปรดักต์ ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ที่ 10% มั่นใจปีนี้รายได้จากธุรกิจฟอกหนังและเซฟตี้โปรดักต์รวมกันแตะ 2.5-2.7 พันล้านบาท
นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน ประธานกรรมการบริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL เปิดเผยภาพรวมธุรกิจในปี 2562 ที่ผ่านมาว่า CPL ยังสามารถทำตลาดในธุรกิจฟอกหนังได้ดี โดยมีปริมาณการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ โดยมียอดรับคำสั่งซื้อในปริมาณ 20-24 ล้านตารางฟุตต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นการรักษาระดับคำสั่งซื้อไว้ได้ แม้ว่าในปีที่ผ่านมาธุรกิจฟอกหนังจะอยู่ในภาวะชะลอตัวจากปัญหาทางเศรษฐกิจภายนอกที่เข้ามามีผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่ค้าหลักของบริษัทฯ รวมถึงการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในแต่ละประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจยุโรปทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ในปีที่ผ่านมาสินค้าส่งออกของ CPL มีการรับรู้รายได้ที่น้อยลงกว่าเดิม
แม้จะเผชิญกับภาวะที่ยากลำบาก แต่บริษัทฯ ยังมั่นใจในด้านการตลาด การขายและการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้ารายหลัก ทำให้สินค้าของ CPL ยังคงได้รับความไว้วางใจจากแบรนด์ผู้ผลิตสินค้าชั้นนำของโลกที่ยังคงส่งคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มั่นใจว่าในปีนี้ CPL จะยังคงได้รับคำสั่งซื้อในปริมาณเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น จากการปรับปรุงการผลิตและการขายให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนและปรับปรุงระบบการผลิตให้มีมาตรฐานเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% เพื่อรองรับตลาดอื่นๆ รวมถึงผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ๆ โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจฟอกหนังสำเร็จรูป (Finished Leather) ที่ฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างการเจรจาการค้ากับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ปรับสัดส่วนการผลิตหนังดิบ จากเดิมเป็นการผลิตเพื่อส่งออกทั้งหมดเป็นการผลิตเพื่อใช้ในกิจการประมาณ 50% ของระบบผลิตรวม เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าจากแบรนด์สินค้าต่างๆ ทำให้สามารถบริหารจัดการสินค้าได้ดีขึ้น และการบริหารสินค้าคงคลังของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายสุวัชชัยกล่าวด้วยว่า สำหรับปีนี้บริษัทฯ คาดว่าธุรกิจฟอกหนังจะมียอดสั่งซื้อ 22-23 ล้านตารางฟุต ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ถือเป็นการรักษาระดับคำสั่งซื้อของลูกค้าในเกณฑ์ปกติ โดยปัจจัยที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย การเจรจาการค้า การย้ายฐานการผลิต ตลอดจนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยคาดการณ์ว่าบริษัทฯ ยังคงรับรู้รายได้จากธุรกิจฟอกหนังในระดับ 1,800-2,000 ล้านบาท ส่วนปัจจัยที่เป็นความท้าทายของธุรกิจยังคงอยู่ที่ราคาขายที่ไม่สามารถขายสินค้าในราคาสูงขึ้นได้ ดังนั้น ฝ่ายบริหารจึงลดความเสี่ยงจากปัญหานี้ด้วยการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพดีในราคาต้นทุนไม่สูงมาก โดยยังเน้นการรักษาคุณภาพสินค้า ตลอดจนการทำการตลาดและพัฒนาผลิตหนังฟอกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงรักษาความรวดเร็วในการส่งมอบสินค้าเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าอีกด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจเซฟตี้โปรดักต์ ภายใต้แบรนด์ “แพงโกลิน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างการเติบโตให้กับ CPL กรุ๊ปนั้น ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนในอัตราประมาณ 10% จากความต้องการสินค้าป้องกันภัยส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น จากโครงการต่างๆ ของทางภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะการเดินหน้าของโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ที่จะมีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่อีกด้วย รวมทั้งผู้ประกอบการภาคเอกชนเริ่มตระหนักถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการทำงาน ทำให้สินค้าเซฟตี้ โปรดักต์มีความต้องการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แพงโกลินเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าด้านความปลอดภัยที่ดำเนินกิจการต่อเนื่องยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้ลูกค้ามั่นใจในสินค้าและบริการ ส่งผลให้แพงโกลินเป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นและมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ยังได้เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยขยายสายผลิตภัณฑ์ไปในส่วนของงานวิศวกรรม และสินค้าที่เป็นไฮ-เทคโนโลยีมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทฯ มีกำลังการผลิตรองเท้านิรภัย 80,000 คู่ต่อเดือน และหมวกนิรภัย 60,000 ใบต่อเดือน ซึ่งเป็นสินค้าหลักและยังมีสินค้าที่ป้องกันภัยส่วนบุคคล รวมถึงอุปกรณ์การอำนวยความสะดวกและการจราจรในสถานประกอบการ บริษัทฯ ได้เริ่มทำตลาดในสินค้าประเภทชุดป้องกันสารเคมี หน้ากาก หมวกป้องกันสารพิษและฝุ่นละออง อีกทั้งอุปกรณ์สำหรับป้องกันการตกหล่นจากที่สูง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า บริษัทฯ ยังคำนึงถึงด้านความปลอดภัย โดยมีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้และทดสอบ พร้อมทั้งมีการอบรมการใช้เครื่องมือที่ถูกต้องให้กับหน่วยงานราชการและเอกชนให้มีความพร้อมในการใช้เครื่องมือและตระหนักถึงความปลอดภัยในการทำงาน พร้อมทั้งมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญในการอำนวยความสะดวกที่ผ่านการฝึกอบรมทางด้านการใช้เครื่องมือมาแนะนำเป็นประจำ อีกทั้งมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ มารองรับตลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและเน้นถึงการออกแบบสินค้าให้มีความสวยงามมากขึ้น
“ในปีที่ผ่านมา สินค้าจากธุรกิจเซฟตี้โปรดักต์มียอดรายได้อยู่ที่ 700 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้ทางทีมงานพยายามเน้นถึงฐานลูกค้าใหม่และตลาดสินค้าทดแทน โดยตั้งเป้าการตลาดเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10% ซึ่งเมื่อรวมกับธุรกิจฟอกหนังจะทำให้รายได้ของ CPL ในปีนี้แตะระดับ 2,500-2,700 ล้านบาท โดยในส่วนของแพงโกลินนั้น นอกจากจะแตกสายผลิตภัณฑ์ใหม่และมุ่งเน้นงานที่เป็น Solution Project มากขึ้นแล้ว ในช่วงที่ผ่านมายังได้ปรับปรุงสาขาในประเทศ และแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศพม่าและมีการลงทุนในประเทศเวียดนาม เพื่อเริ่มดำเนินกิจกรรมทางการตลาดของทั้งสองประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นการขยายการทำตลาดสินค้าเซฟตี้โปรดักต์ในต่างประเทศอีกด้วย” นายสุวัชชัยกล่าว