แอสเสท เวิรด์ฯ ดึงกลุ่มอินเตอร์คอนฯ บริหารโรงแรมในเครือล็อตแรก 1,200 ห้อง หวังหนุนรายได้เพิ่ม ประเดิมโรงแรมแรกรีนูเวทอิมพีเรียล แม่ปิง อัปเกรดเป็นอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง เตรียมรีโนเวตอิมพีเรียล หัวหินต่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกเชนบริหาร
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ภายใต้เครือทีซีซีกรุ๊ป (TCC Group กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาเพื่อให้อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป หรือ IHG หนึ่งในผู้นำธุรกิจโรงแรมชั้นนำระดับโลก บริหารโรงแรมในเครือ AWC เบื้องต้นประมาณ 5 แห่ง จำนวน 1,200 ห้อง สัญญาบริหาร 15 ปี บวกเพิ่มอีก 5 ปี
ทั้งนี้ AWC อยู่ระหว่างพิจารณาเลือกโรงแรมที่จะให้ IHG บริหารทั้งโรงแรมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงและโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาใหม่ เช่น โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่ พัทยา เชียงราย หัวหิน ย่านไชน่าทาวน์ เจริญกรุง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และบางนา โดยคาดว่าภายในระยะเวลา 2 ปีหลังจากเซ็นสัญญาเลือกแบรนด์ในเครือ IHG เข้าบริหารโรงแรมในเครือ AWC
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าการให้ IHG ที่มีเชนโรงแรมในเครือกว่า 16 เชน และมีเครือข่ายโรงแรมอยู่ทั่วโลก ซึ่งจะทำให้โรงแรมในเครือ AWC เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และมีผลการดำเนินงานที่ดี ส่วนการเลือกเชนที่จะมาบริหารในโรงแรมแต่ละแห่งนั้นจะเลือกจากศักยภาพของที่ตั้ง ทำเล คอนเซ็ปต์ ไลฟ์สไตล์ ฐานลูกค้าเป้าหมาย ราคาตอบโจทย์
สำหรับโรงแรมแรกที่ได้ให้ IHG บริหาร ได้แก่ ”โรงแรม อิมพีเรียลแม่ปิง” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการดำเนินธุรกิจโรงแรมของกลุ่มTCC ที่เดิมคือโรงแรมแม่ปิง เชียงใหม่ ที่ก่อสร้างเป็นอาคารพักอาศัยทั่วไปขนาดใหญ่สูง 15 ชั้น จัดเป็นอาคารสูงแห่งที่ 2 ของเชียงใหม่ในขณะนั้น โดยซื้อมาจากเจ้าไชยสุริวงศ์ ณ เชียงใหม่ ใช้แบรนด์ “อิมพีเรียล แม่ปิง” ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 6 ไร่เศษ มีจำนวนทั้งหมด 371 ห้องพัก
ล่าสุด ได้รีโนเวตใหม่ พร้อมปรับขนาดห้องพักใหม่ให้ได้มาตรฐานของอินเตอร์คอนติเนนตัล จากขนาดห้อง 22 ตร.ม.ราคาห้องเฉลี่ย 1,000 กว่าบาท/คืน เป็นขนาดห้อง 45 ตร.ม. ราคาห้องพักเฉลี่ย 6,000 บาท/คืน และได้ก่อสร้างในส่วนของวิลล่าเพิ่มทำให้มีห้องพัก 306 ห้องพัก รวมถึงเพิ่มห้องจัดเลี้ยงจาก 1,500 ตร.ม.เป็น 3,600 ตร.ม. และเปลี่ยนแบรนด์ใหม่เป็น “โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” ส่งผลให้มูลค่าของโรงแรมเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2564 และจะเปิดดำเนินการส่วนขยายทั้งหมดที่แล้วเสร็จอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565 โดยคาดว่าในปีแรกอัตราการเข้าพัก (OCC) จะอยู่ที่กว่า 60% และจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 80% ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ระดับ 12%
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมไมซ์และการประชุมในระดับระหว่างประเทศในเชียงใหม่นั้นมีการเติบโตถึง 250% ในระหว่างปี 2556 ถึงปี 2561 ซึ่งรายได้จากห้องจัดเลี้ยงคิดเป็น 30% ของรายได้ทั้งหมดของโรงแรม ทำให้บริษัทเล็งเห็นความสำคัญและได้ขยายพื้นที่ดังกล่าว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสินทรัพย์ในกลุ่มโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้วรวมจำนวน 16 แห่ง มีจำนวนห้องพักรวม 4,869 ห้อง และบริษัทมีเป้าหมายภายใน 5 ปีจากนี้ จะมีห้องพักเพิ่มเป็น 8,506 ห้อง ซึ่งจะผลักดันให้ผลประกอบการในกลุ่มดังกล่าวเติบโตอย่างต่อเนื่อง