xs
xsm
sm
md
lg

'เอพี' ปรับแผนธุรกิจพัฒนาคอนโดฯ มองตลาดไม่เกิน 1.8 แสน/ตร.ม. เจาะเรียลดีมานด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายวิทการ จันทวิมล
ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่เร่งปรับตัว รับกับกระแสความท้าทายที่เข้ามา ทั้งภาวะเศรษฐกิจ นโยบายภาครัฐ กำลังซื้อของผู้บริโภค และเทคโนโลยี ด้าน "เอพี ไทยแลนด์" พร้อมเปิดโมเดล 'Dynamic Personalized Model' ภายใต้ 3 คีย์สำคัญ "เข้าใจ-โดนใจ-ความมั่นใจ" ระบุราคาคอนโดฯ ที่เหมาะสมในปีนี้ไม่น่าจะเกิน 180,000 บาทต่อ ตร.ม. ล่าสุด เผยโฉมแฟล็กชิปแรกกับโครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ "AP" เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 เป็นปีแห่งความท้าทายของผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ นโยบายของภาครัฐ ความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภค และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของลูกค้าไปค่อนข้างเยอะ ทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด (Mindset) เพื่อมองหาโอกาสในการทำโครงการ และในการจัดหาซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคนั้น ปัจจัยสำคัญก็คือ เรื่องของทำเล ราคาก็มีผลต่อการตัดสินใจซื้อและมีผลต่อการพัฒนาโครงการเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ราคาที่ดิน การพัฒนาโครงการ และราคาขาย โดยปีนี้ราคาที่เหมาะสมกับการขายในปีนี้ และยังมีความต้องการซื้อ (เรียลดีมานด์) อยู่ ราคาไม่ควรเกิน 180,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) หรือราคาขายเฉลี่ย 120,000-150,000 บาทต่อ ตร.ม. ซึ่งเป็นราคาที่กลุ่มลูกค้าเอพีสามารถเข้าถึงได้ โดยเป็นกลุ่มที่มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 100,000-200,000 บาทต่อเดือน

"ท่ามกลางความท้าทายของตลาดคอนโดฯ บริษัทได้ปรับแผนธุรกิจ เดินเกมด้วยกลยุทธ์รบยาวตั้งแต่ปีก่อน โดยปัจจัยทำเลและแพกเกจราคาขายที่จับต้องได้ ยังคงเป็นพื้นฐานสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ แต่สิ่งที่ยิ่งทวีความท้าทายในอนาคต คือ การเข้าใจถึงพฤติกรรมที่ซับซ้อน แตกย่อยเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้นของผู้บริโภค วิธีคิดและกระบวนการออกแบบ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก หมดเวลาการทำงานแบบเหมาะรวมเป็นโลเกชัน แต่ต้องเจาะให้ลึกถึงดีมานด์จริงของที่ดินแต่ละแปลงแต่ละผืน ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เราได้เตรียมความพร้อมในการทำความเข้าใจถึงลิฟวิ่งแพตเทิร์นที่แตกต่างกันของคนในอนาคต อย่างเช่น กลุ่มผู้สูงอายุ จากการวิจัยพบว่า อาจไม่ชอบอยู่เป็นคอมมูนิตี ต้องการอยู่ร่วมกับเด็กๆ"



โครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน
ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำ คือ เรื่องของทำเล ต้องเปิดกว้างราคาที่ดินในการเข้าไปทำ เหมาะสมกับกำลังซื้อ เนื่องจากโลเกชันก็มีหลากหลาย ทั้งติดรถไฟฟ้าและไม่ติดรถไฟฟ้า ทำให้เราเริ่มหาที่ดินใหม่ๆ ซึ่งเราลงลึกในการทำการบ้าน ผลลัพธ์ที่ได้ ไม่จำเป็นต้องติดรถไฟฟ้าก็ได้ แต่ละพื้นที่ก็มีความต้องการที่หลากหลาย ดังนั้น เมื่อเราได้เรื่องราคา ทำเล และดีมานด์แล้ว ก็ต้องทำวิจัยเกี่ยวกับลูกค้า เพื่อส่งมอบผลลัพธ์การพัฒนาคอนโดมิเนียมยุคใหม่ ซึ่งในปีนี้ บริษัทพร้อมเปิดตัวแนวคิดใหม่ในการพัฒนาคอนโดฯ ปี 2020 กับ 'Dynamic Personalized Model' ภายใต้ 3 คีย์สำคัญ ได้แก่ 1.เข้าใจ ต้องมองลูกค้าให้ชัด 2.โดนใจ ต้องตอบโจทย์ทั้งคาแร็กเตอร์และไลฟ์สไตล์ และ 3.ความมั่นใจ ลูกค้าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ


สำหรับภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมติดถนนใหญ่ เส้นถนนเจริญกรุง ซึ่งจากการศึกษาภาพรวมตลาดย้อนหลัง 10 ปี พบว่า มีคอนโดมิเนียมติดถนนใหญ่ในเส้นเจริญกรุง จำนวน 4 โครงการ รวม 1,120 ยูนิต แบ่งเป็นกลุ่มอัลตร้าลักซ์ชัวรี ระดับราคา 300,000 บาทต่อ ตร.ม. 1 โครงการ จำนวน 355 ยูนิต มียอดขายรวม 80% กลุ่มลักซ์ชัวรี ระดับราคา 150,000-190,000 บาทต่อ ตร.ม. 3 โครงการ จำนวน 765 ยูนิต มียอดขายรวม 94% รวมถึงสามารถสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าระยะยาว 6-7%


โดยล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวโครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัท และมิตซูบิชิ เอสเตท เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป) บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ มูลค่ากว่า 4,700 ล้านบาท เป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 44 ชั้น 1 อาคาร และอาคารพาวิลเลียน 1 อาคาร รวมจำนวน 421 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยสำหรับห้องชุด 1 ห้องนอน เริ่ม 35-43.5 ตร.ม. ห้องชุด 2 ห้อง เริ่ม 75.5-128.5 ตร.ม. ห้องชุด 3 ห้องนอน เริ่ม 134-159 ตร.ม. และห้องชุด 4 ห้องนอน เริ่ม 184-228 ตร.ม.

โดยมีระดับราคาขายเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 155,000 บาทต่อ ตร.ม.(สำหรับห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม.) โดยได้เปิดรอบวีไอพีในช่วงปลายปีที่ผ่านมา สามารถสร้างผลงานได้ดี ยอดขาย 42% ทั้งนี้ โครงการจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 4 ปี 2565


"โครงการ RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน แฟล็กชิปคอนโดฯ ระดับลักซ์ชัวรี ที่เปิดรับวิวพาโนรามาของโค้งน้ำเจ้าพระยา ซึ่งวิธีการออกแบบโครงการนี้จะแตกต่างกับโครงการในอดีต แต่ละพื้นที่ของโครงการ คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำ หรือแม้แต่ห้องนอน มีการลงลึกรายละเอียดค่อนข้างเยอะ เนื่องจากความต้องการในบริเวณนี้มีเยอะ แต่ไม่ติดรถไฟฟ้า สิ่งที่ต้องตอบให้ได้ว่า หากติดรถไฟฟ้าเหมือนในอดีต แล้วขายในราคา 3 แสนบาทต่อ ตร.ม.แล้วจะขายดีเท่ากับโครงการที่เปิดใหม่หรือไม่"


กำลังโหลดความคิดเห็น