xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์อิหร่านผลักดันราคาทองคำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทองคำยังได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังเกิดสงครามระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อีกทั้งดอลลาร์ร่วงลงต่อเนื่อง กดดันให้เฟดเดินแผนผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อ

“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงภาพรวมราคาทองคำที่ผ่านมาว่า แม้ช่วงต้นสัปดาห์จะมีการซื้อขายในปริมานที่เบาบางเนื่องจากยังอยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากพ้นในช่วงของเทศกาลราคาทองคำมีการขยับและดีดตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านคาบสมุทรเกาหลี และความรุนแรงในตะวันออกกลาง แนวโน้มสถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือน

 
ทั้งนี้ การโจมตีทางอากาศที่สนามบินอิรัก สังหารเจ้าหน้าที่ทางการระดับสูงของอิหร่านได้กระตุ้นความเสี่ยงที่อาจเกิดสงครามขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน และทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดทางตะวันออกกลางทวีความรุนแรง จนเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำขยับและมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงขึ้น
 


  ส่วนปัจจัยที่แนะนำให้จับตา คือ สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางหลังเกิดการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ จนส่งผลให้ผู้นำทางการทหารของอิหร่านเสียชีวิต นอกจากนี้ นักลงทุนควรจับตาดูการตอบโต้ของอิหร่าน ว่าจะมีสถานการณ์รุนแรงมากน้อยแค่ไหน หากยังคงรุนแรงยืดเยี้อและบานปลาย จนเกิดการทำสงครามกันระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน ประเด็นดังกล่าวก็จะกลับมาหนุนและกระตุ้นราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อ แต่หากสถานการณ์ดังกล่าวเบาบางหรือคลี่คลายลง ก็อาจจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาได้เช่นกัน


นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตารายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าระยะที่ 1 ทั้งนี้ ในเบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดที่แน่นอนดังกล่าวเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แม้เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะมีการประกาศว่าจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าระยะที่ 1 ในวันที่ 15 มกราคมก็ตาม
 
 
ขณะเดียวกัน ทิศทางดอลลาร์สหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ยังคงต้องจับตา หลังจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลง ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์มีการคาดการณ์ว่า แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินอาจจะเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กดดันให้ดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อ และการร่วงลงของดอลลาร์สหรัฐถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางของราคาทองคำ
 
 
ไม่เพียงเท่านี้ทางฝั่งสหรัฐฯ มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัว แนะนำให้นักลงทุนจับตาเพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำทองคำ โดยจะมีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ PMI ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ประจำเดือนธันวาคม อัตราการว่างงาน รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ข้อมูลภาคการจ้างงานจะเป็นปัจจัยตัวหนึ่งหรือเป็นเงื่อนไขที่เฟดจะใช้ในดำเนินการนโยบายการเงิน หรือการกำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยในระยะถัดไป ซึ่งจะส่งผลต่อดอลลาร์สหรัฐ และราคาทองคำด้วยเช่นกัน
 
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน YLG ประเมินในส่วนของแนวรับไว้ที่ระดับ 1,510 และ 1,478 แนวต้านประเมินไว้ 1,557 และ 1,574 อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำที่ผ่านมามีการขยับขึ้นและสร้างระดับสูงสุดครั้งใหม่รายสัปดาห์และรายเดือนอย่างต่อเนื่อง โดยแนวต้านบริเวน 1,557เหรียญเป็นระดับสูงสุดของปีที่ผ่านมาของปี 2019 หากราคาขยับหรือเคลื่อนตัวเข้าใกล้แนวต้านดังกล่าวอาจจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ทั้งนี้ หากราคายังไม่ผ่านอาจเกิดการอ่อนตัวหรือการย่อตัวลงมาบ้าง ซึ่งหากราคาสามารถทรงตัวหรือยืนอยู่เหนือแนวรับในโซน 1,519 ถึง 1,510 เหรียญได้ ประเมินว่าแรงขายอาจจะเป็นลักษณะการขายทำกำไรระยะสั้น ราคาอาจจะมีลักษณะของการอ่อนตัวลงมาเพื่อสะสมกำลังหรือแรงซื้อ และหากไม่หลุดยังคงแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อโดยหวังทำกำไรจากการดีดตัวอีกครั้ง



กำลังโหลดความคิดเห็น