“คลัง” ย้ำ เตรียมจับรางวัล “ชิมช้อปใช้” รอบแรก 20 ธ.ค. นี้ โดยจะใช้วิธีการจับรางวัลโดยการหมุนหมุนลูกบอล 7 หลักเหมือนการออกสลากกินแบ่งของสำนักงานสลากฯ โดยผู้ใช้จ่ายผ่านกระเป๋า 2 แต่ละราย สามารถตรวจสอบจำนวนวงเงินการใช้จ่าย จำนวนสิทธิ์ที่จะได้เข้าร่วมลุ้นรับรางวัล และหมายเลขสิทธิ์ฯ ของตนได้ที่ http://www. ชิมช้อปใช้.com ส่วนความคืบหน้าในการจ่าย Cash Back ที่เริ่มดำเนินการไปแล้วครั้งแรก 15 ธ.ค. 62 มีจำนวนผู้รับได้รับคืนเงินกว่า 1.5 แสนราย รวมวงเงิน 384 ล้านบาท แต่มีบางส่วนที่ยังไม่ได้รับคืน เหตุ “กรมบัญชีกลาง” ขอเวลาตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความถูกต้องอีกครั้ง
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการส่งเสริมให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ซึ่งจากกระแสตอบรับดังกล่าว ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดของสมนาคุณเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยผ่าน g-Wallet ช่อง 2 อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ทั้ง 3 เฟส สามารถใช้สิทธิ์ภายใต้มาตรการได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ซึ่งนอกจากจะมีสิทธิได้รับเงินคืนสูงสุดถึงร้อยละ 20 แล้ว ยังมีสิทธิ์ลุ้นรับของสมนาคุณต่าง ๆ มูลค่ารวม 12 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประชาชนที่ใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 สำหรับยอดสะสมทุก ๆ 1,000 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ์ ในการลุ้นรับของสมนาคุณกว่า 500 รายการอีกทั้ง สำหรับยอดสะสมผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ตลอดมาตรการ จะมีสิทธิ์ลุ้นรับของสมนาคุณชิ้นใหญ่เพิ่มเติม ได้แก่ รถยนต์ และรถกระบะ นอกจากนี้ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการทุก ๆ 1 ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าการชำระเงิน 100 บาทขึ้นไป จะได้รับ 1 สิทธิ์ ในการลุ้นรับทองคำกว่า 100 รายการ โดยสามารถลุ้นรับของสมนาคุณรวม 6 ครั้ง ในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 วันศุกร์ที่ 3 10 17 และ 24 มกราคม 2563 และวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 โดยการลุ้นรับของสมนาคุณครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562 ที่กระทรวงการคลัง จะประกอบด้วย รถกระบะ Toyota Hilux Revo 1 คัน รถจักรยานยนต์ Honda New PCX150 4 คัน โทรทัศน์ดิจิทัล Samsung TV55 8 เครื่อง และทองคำ 156 แท่ง รวมของสมนาคุณทั้งสิ้น 169 รายการ
ด้านวิธีการจับรางวัลตามมาตรการชิมช้อปใช้สำหรับผู้ใช้จ่ายเงินผ่าน g-Wallet ช่อง 2 นั้น จะเป็นวิธีเดียวกับการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วยวิธีการหมุนลูกบอล 7 หลัก ส่วนหมายเลข 7 หลักที่ได้จากการหมุนลูกบอลนั้น กระทรวงการคลังจะทำการประกาศชื่อ-นามสกุล และจังหวัดที่อยู่ตามบัตรประชาชนของผู้ที่ได้รับรางวัลให้ทราบทั่วกันโดยทันที รวมทั้งจะทำการประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลที่ http://www.
ชิมช้อปใช้.com โดยหลังจากนั้นธนาคารกรุงไทยจะติดต่อกลับไปยังตัวผู้ที่ได้รับรางวัลอีกครั้งด้วย ส่วนจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลในรอบแรกนั้นจะมีทั้งสิ้นราว 7 ล้านคน ทั้งนี้ ผู้ใช้จ่ายแต่ละรายสามารถเข้าตรวจสอบจำนวนวงเงินการใช้จ่าย รวมถึงจำนวนสิทธิ์ที่ตนจะได้เข้าร่วมลุ้นรับรางวัล และหมายเลขสิทธิ์ฯ ของตนได้ที่ http://www.
ชิมช้อปใช้.com
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เห็นผลสำเร็จในการใช้จ่ายของประชาชนที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยภาพรวมการใช้จ่ายของประชาชนตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน จนถึงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 มีผู้ใช้สิทธิ์รวม 3 เฟสจำนวน 11,794,825 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 24,788 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 11,637 ล้านบาท และ g-Wallet ช่อง 2 ประมาณ 13,151 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ที่เป็นการเติมเงินของประชาชนเองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้มีมูลค่าสูงกว่ายอดใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 1 แล้ว ซึ่งสะท้อนความนิยมของประชาชนต่อมาตรการ “ชิมช้อปใช้” และประโยชน์ที่ได้รับจากร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนที่เข้าร่วมกับมาตรการนี้
โฆษกกระทรวงการคลังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจ่ายเงินคืน (cash back) จากการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 นั้น กระทรวงการคลังได้มีการจ่ายเงินคืนครั้งแรกไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2562 จำนวน 153,579 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 384 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน -30 พฤศจิกายน 2562 แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ใช้สิทธิ์ตามมาตรการฯ บางส่วนที่ยังไม่ได้รับเงินคืน ซึ่งทางกระทรวงการคลังได้ส่งข้อความ SMS ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนไว้ เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้สิทธิ์ได้รับทราบแล้วว่ากระทรวงการคลังอาจต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมบางเรื่องเพื่อยืนยันความถูกต้อง
ทั้งนี้ เนื่องจากการจ่ายเงินคืนกลับให้แก่ผู้ใช้สิทธิ์ฯ นั้นจะเป็นเงินของรัฐบาล กรมบัญชีกลางจึงต้องมั่นใจว่าเป็นการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงและเป็นการใช้จ่ายอย่างถูกต้อง ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้รับเงินคืน ติดต่อคณะทำงานด้านกฎหมายส่วนกลางที่หมายเลขโทร. 0 2270 6400 กด 7 หรือสำนักงานคลังจังหวัดทั่วประเทศ ในวันและเวลาราชการ เพื่อตรวจสอบข้อมูล ซึ่งหากผลการตรวจสอบข้อมูลนั้นมีความถูกต้องครบถ้วนแล้ว ผู้ใช้สิทธิ์ฯ ก็จะได้รับเงินคืนโดยทันที ส่วนการคืนเงินจะรวดเร็วแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการติดต่อกลับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของผู้ใช้สิทธิ์ขอรับเงินคืน
โฆษกกระทรวงการคลัง ได้ย้ำเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิ์จากการไม่เริ่มใช้สิทธิ์ตามมาตรการฯ ภายใน 14 วัน ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้มีการคืนสิทธิ์การใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์ได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 สำหรับผู้ที่เคยผ่านการยืนยันตัวตนจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและถ่ายรูปเปรียบเทียบใบหน้าในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว โดยผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิ์สามารถใส่หมายเลข PIN เดิม เพื่อใช้งานแอปพลิเคชันเป๋าตังและรับสิทธิ์ได้โดยทันที ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้ายืนยันตัวตน ขอให้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนในแอปพลิเคชันเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าว