"เฮเฟเล่ กรู๊ป" ชูประเทศไทยติดอันดับมีการเติบโตสูงสุด พร้อมกับการลงทุนครั้งใหญ่สร้างศูนย์กระจายสินค้า บางนา-ตราด มั่นใจปีนี้โต12% คาดปี 63 ยังคงเติบโต
นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสร้างสินค้านวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จ ด้วยยอดขาย เฮเฟเล่ ประเทศไทย สามารถทำได้สามารถรั้งอันดับหนึ่งในเอเชีย ซึ่งจุดเริ่มต้น เฮเฟเล่ ประเทศไทย เริ่มตั้งสำนักขายแห่งแรก ที่ถนนพระราม 3 เพื่อสร้างตลาด และรากฐานที่มั่นคงก่อน จากนั้นจึงเริ่มนำเสนอสินค้าและการบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงนวัตกรรม และรูปแบบสินค้าที่ทันสมัย ใช้งานง่าย จนถึงปัจจุบัน มีรายการสินค้าที่นำเสนอมากกว่า 25,000 รายการ
ในปี 2562 ได้มีการลงทุนเพิ่ม ปรับโฉมเฮเฟเล่ ดีไซน์ สตูดิโอ สุขุมวิท 64ใหม่ทั้งหมด และเปิดร้านค้า ออนไลน์และในปีนี้ เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด ครบรอบ 25 ปี ถือเป็นย่างก้าวของความเป็นผู้ใหญ่ เป็นปีแห่งการพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จ เฮเฟเล่เติบโตด้วยประสบการณ์ที่แข็งแรง พร้อมสร้างศักยภาพใหม่ในโลกอนาคต และพร้อมเป็นผู้นำแห่งนวัตกรรมที่ล้ำหน้า เฮเฟเล่ขอสัญญาว่าจะดูแล และส่งต่อคุณภาพมาตรฐานเยอรมนี ให้พร้อมตอบโจทย์ความต้องการอย่างใส่ใจ
เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านอุปกรณ์เพื่อบ้าน อาคาร ที่สมบรูณ์แบบ จึงได้จัดจัดโปรโมชั่นพิเศษ แจกรถยนต์ปอร์เช่ และรางวันอื่นๆกว่า 11 ล้านบาท เพื่อเป็นการคืนกำไร และเป็นการขอบคุณความไว้วางใจของคนไทยที่ทำให้ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา เป็น 25 ปี แห่งความผูกพัน
นายโฟลเคอร์ กล่าวว่า ในปี 62 นี้ เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) ได้มีการลงทุนครั้งใหญ่ในการขยายคลังสินค้าที่ศูนย์กระจายสินค้า บางนา ตราด ซึ่งเริ่มดำเนินการลงเสาเข็มตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2561 โดยเพิ่มพื้นที่จาก 10,000 ตรม. เป็น 24,000 ตรม. ทำให้มีความสามารถรองรับสินค้าคงคลังได้มากขึ้น สต๊อกสินค้ามากกว่า 25,000 รายการ สำหรับกระจายไปยัง 6 โชว์รูมทั่วประเทศได้แก่ กรุงเทพฯ สาขาซอยสุขุมวิท 64 และ สาขาบางโพธิ์, พัทยา, หัวหิน, ภูเก็ต และเชียงใหม่ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
ปัจจุบัน เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) มีกลุ่มสินค้าในการทำตลาดอยู่ 4 กลุ่มหลักๆ กลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ , กลุ่มอุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์, กลุ่มสินค้าสุขภัณฑ์และ อุปกรณ์ในห้องน้ำ และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว และกลุ่มสินค้าย่อย ที่พร้อมจะเป็นตัวเลือกที่ครบครัน ตามสโลแกน ของเฮเฟเล่ ประเทศไทย คือ “ COMPLETE BUILDING SOLUTIONS “ หรือ “อุปกรณ์ครบ จบทุกเรื่องงานอาคาร” ทำให้ลูกค้าสามารถจบเรื่องงานบ้าน และอาคารที่เฮเฟเล่ได้ทั้งหมด ซึ่งเมื่อเทียบยอดขายทั่วโลกของเฮเฟเล่ ประเทศไทยมียอดขายเป็นอันดับที่ 3 ของโลก เมื่อเทียบกับเฮเฟเล่ประเทศอื่นๆ และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเซีย รองลงมาคือเฮเฟเล่ อินเดีย และเฮเฟเล่ เวียดนาม
สำหรับการทำตลาดนั้น เฮเฟเล่ ยังคงให้น้ำหนักกับตลาด B2B เป็นหลัก สำหรับตลาด B2C ซึ่งผู้บริหารยอมรับว่า แม้จะอยู่ในตลาดไทยเป็นเวลา 25 ปี แต่ตลาด B2C ยังเพิ่งเริ่มต้นในปีนี้ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการรุกเข้าตลาดออนไลน์ เฮเฟเล่ ได้เล็งเห็นความสำคัญของช่องทาง e-commerce เช่นกัน โดยได้เริ่มพัฒนาทั้งรายการสินค้าและ platform สำหรับ e-commerce โดยผสานแนวคิด O2O, Online to Offline เพื่อนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งผลงานในปีนี้ของเฮเฟเล่ นับว่าเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการเติบโตและตอบรับอย่างดี จากกลุ่มลูกค้า end consumer ดังที่เห็นจากงาน Big Clearance Sale ปีนี้ เฮเฟเล่สามารถขายสินค้าในกลุ่ม e-commerce ได้กว่า 4,500 ชิ้น ใน 3 วัน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า Online เป็นช่องทางที่เฮเฟเล่ให้ความสำคัญที่ต้องพัฒนาต่อและยังมีโอกาสทางธุรกิจอยู่อีกมาก
นายโฟลเคอร์ กล่าวต่อไปอีกว่า ปี 2563 ถือเป็นอีกปีที่เฮเฟเล่นั้นจะพิสูจน์ความเป็นเลิศในการตอบโจทย์ Complete Building Solutions โดยการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์งานอาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าภายใต้ Concept Green product (LEED and WELL standard) และ Circular system มากยิ่งขึ้น รักษาช่องทางการขายหลัก ทั้งส่วนงานโครงการ, ค้าปลีก และโรงงาน โดยการตอบโจทย์ทั้งด้าน คุณภาพสินค้า ความหลากหลาย และความพร้อมของสินค้ากว่า
ทางด้าน นายรัตนะ พูนสง่า ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เฮเฟเล่ ประเทศไทย มียอดขายปี 62 โต 2 digit (12%) หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่ม retail 40%, งานก่อสร้าง (Project) 40%, โรงงานอุตสาหกรรม/เฟอร์นิเจอร์ 20% โดยทำการตลาดกลุ่มสินค้า แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักคือ ประตู-หน้าต่าง 41%, Furniture fitting 24%, สุขภัณฑ์ 17%, เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว 11%, อื่นๆ 7% และธุรกิจในปีหน้าจะเน้นไปที่การเจาะกลุ่ม chain store business โดยพัฒนาสินค้าให้เหมาะกับการใช้และตอบโจทย์ความต้องการ
แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ retail business กลุ่มร้านสะดวกซื้อ minimart , Banking business ธนาคารต่างๆ (ให้สินค้าตอบโจทย์ทั้งการรักษาความปลอดภัย ระบบต่างๆ ของธนาคาร) , Restaurant ร้านอาหารต่างๆ (ให้สินค้ามี Anti bacteria ให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ไม่มีการสะสมเชื้อโรค)
สำหรับเป้าหมายปีหน้า 63 เฮเฟเล่ ประเทศไทย ตั้งเป้าโต 5% หรือประมาณ 4,200 ล้าน และยังตั้งเป้าหมายระยะยาวให้ เฮเฟเล่ ไทยแลนด์ โตขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเฮเฟเล่ทั่วโลก ภายใน 5 ปี (2024 , เฮเฟเล่ครบ 30 ปี) แซงหน้าทั้งอังกฤษ (อันดับ 2 , 4,400 ล้านบาท) และอเมริกา (อันดับ 1 , 7,000 ล้านบาท) อีกด้วย.