“ซีบีดาร์อี” เผยตลาดอสังหาฯหัวหินสวนทาง กทม. หลังดีมานด์-ซับพลายปรับตัวเข้าสู่สมดุลย์ ระบุคอนโดลักชัวรรี่ขาดตลาดไม่มีซับพลายใหม่เข้าตลาดนานกว่า11 ปี “พราว เรียล เอสเตท” สบโอกาส เปิดตัว "อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซสหัวหิน" คอนดดซูเปอร์ลักชัวรี่ติดหาดหัวหิน รับดีมานด์คอนโดหรู มูลค่า3,500ล้านบาท บนพื่นที่7 ไร่เศษ มั่นใจปิดยอดขายไม่ต่ำ80% ก่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ
นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้เปิดตัวโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน โครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ ภายใต้ความร่วมมือกับ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป (ไอเอชจี) ซึ่งให้สิทธิ์ในการใช้แบรนด์โรงแรมในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์โรงแรมระดับอินเตอร์เนชั่นนัลในหัวหิน โดยอินเตอร์คอนฯ จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางให้กับโครงการดังกล่าว ซึ่งมีการเซ็นสัญญาร่วมกันเป็นระยะเวลา20 ปี ภายหลังจากมีการจัดตั้งนิติบุคคลอาคารชุดของโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน
สำหรับ โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มีพื้นที่ในการพัฒนาโครงการ 7 ไร่2งาน ตั้งอยู่กับติดชายหาดใจกลางเมืองหัวหิน ในซอยหัวหิน 71 เลียบถนนเพชรเกษม โดยที่ดินแปลงดังกล่าวถือว่าเป็นที่ดินติดชายหาดผืนใหญ่ที่สุด และเป็นแปลงสุดท้ายที่มีการนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบขายกรรมสิทธิ์ในการถือครอง ของหัวหิน โดยปัจจุบันยราคาซื้อขายที่ดินขนาดติดหาดและมีพื้นทีขนาดใหญ่มีราคาขายสูงกว่า 150 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งสถิติราคาที่ดินสูงสุดของหัวหิน
ทั้งนี้ โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน จะพัฒนาเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย9อาคาร รวม 238 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,500 ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารสูง 4 ชั้น 8 อาคาร และ 7 ชั้น 1 อาคาร โดยทั้งหมดถูกออกแบบให้มีห้องชุดพักอาศัยพร้อมตกแต่ง ซึ่งห้องชุดมีตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ห้องดูเพล็กซ์ และเพนต์เฮาส์ ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 45-300 (ตารางเมตร) ตร.ม. ในแต่ละชั้นมี 3-13 ยูนิต ระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 7.8-100 ล้านบาท ภายในโครงการมีพื้นที่เปิดหรือส่วนกลางกว่า 70% หรือมากกว่า 7,000 ตร.ม. โดย พราวฯ ได้แต่งตั้ง บริษัท ซีบีอาร์อี จำกัด ให้รับหน้าที่บริหารงานขาย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค. 63 และมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 64
“นอกจากโครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน แล้ว พราวฯยังมีทีดินสะสมประมาณ 5 ไร่ ซึ่งติดกับสวนน้ำวานานาวา หัวหิน ที่คาดว่าจะมีการนำมาพัฒนาโครงการใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเป็นคอนโด ขณะเดียวกันก็มีที่ดิน สะสมอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีแผนจะนำมาพัฒนาโครงการเช่นกัน ส่วนการพัฒนาโครงการในกทม.นั้น ในอนาคตคอนโด ที่มีแบรนด์โรงแรมบริหารด้วยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ” นางสาวพราวพุธ กล่าวว่า
ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่พักอาศัยในตลาดหัวหิน ณ ปัจจุบันมีทิศทางตรงข้ามกับตลาดอสังหาฯใน กทม. ภายหลังจากดีมานด์และซับพลายในพื้นที่ปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลย์ จากเดิมที่ช่วงก่อนหน้าตลาดหัวหินมีซับพลายคอนโดสะสมที่สูงกว่าดีมานด์ แต่หลังจากใช้ระยะเวลาในการระบายซับพลายมาช่วงหนึ่งทำให้ ในขณะนี้ซับพลายกับดีมานด์มีความสมดุลย์มากขึ้น โดยเฉาะซับพลายคอนโดติดหาด ซึ่งไม่มีซับพลายใหม่เข้าตาดมานาน เนื่องจากที่ดินติดชายหาดในใจกลางเมืองหัวหินนั้นหาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
“ตลาดคอนโดระดับลักชัวรี่ที่มีการบริหารจัดการโดยโรงแรมระดับโลก กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รัความนิยมในทั่วโลก ซึ่งในกทม.ได้มีการนำเทรนด์ดังกล่าวเข้ามาพัฒนาหลายโครงการและได้รับการตอบรับที่ดีมาก ขณะที่ตลาดที่พักอาศัยตากอากาศในหัวหินยังมีแนวโน้มที่ดี โดยมีความต้องการซื้อจากกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดติดชายหาด ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลตลาดอสังหาฯหัวหินพบว่าไม่ได้มีการพัฒนาโครงการติดชายหาดหัวหินมาเป็นเวลากว่า 11 ปีแล้ว เพราะที่ดินโดยมากถูกพัฒนาเป็นโรงแรมระดับห้าดาว และรีสอร์ทเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ 10 ปีที่ผ่านมา มีคอนโดใหม่ติดชายหาดเข้าสู่ตลาดเพียง 356 ยูนิต โดยส่วนใหญ่มียอดขายมากว่า 85% ขณะที่ราคาขายก็มีการปรับขึ้นมากว่า 10% ต่อปี จึงมั่นใจว่าโครงการนี้ จะสามารถปิดการขายได้ไม่น้อยกว่า 80% ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ” นางสาวอลิวัสสา กล่าว
นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ได้เปิดตัวโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน โครงการที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ ภายใต้ความร่วมมือกับ อินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล กรุ๊ป (ไอเอชจี) ซึ่งให้สิทธิ์ในการใช้แบรนด์โรงแรมในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์โรงแรมระดับอินเตอร์เนชั่นนัลในหัวหิน โดยอินเตอร์คอนฯ จะเป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ส่วนกลางให้กับโครงการดังกล่าว ซึ่งมีการเซ็นสัญญาร่วมกันเป็นระยะเวลา20 ปี ภายหลังจากมีการจัดตั้งนิติบุคคลอาคารชุดของโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน
สำหรับ โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน มีพื้นที่ในการพัฒนาโครงการ 7 ไร่2งาน ตั้งอยู่กับติดชายหาดใจกลางเมืองหัวหิน ในซอยหัวหิน 71 เลียบถนนเพชรเกษม โดยที่ดินแปลงดังกล่าวถือว่าเป็นที่ดินติดชายหาดผืนใหญ่ที่สุด และเป็นแปลงสุดท้ายที่มีการนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบขายกรรมสิทธิ์ในการถือครอง ของหัวหิน โดยปัจจุบันยราคาซื้อขายที่ดินขนาดติดหาดและมีพื้นทีขนาดใหญ่มีราคาขายสูงกว่า 150 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งสถิติราคาที่ดินสูงสุดของหัวหิน
ทั้งนี้ โครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน จะพัฒนาเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัย9อาคาร รวม 238 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,500 ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารสูง 4 ชั้น 8 อาคาร และ 7 ชั้น 1 อาคาร โดยทั้งหมดถูกออกแบบให้มีห้องชุดพักอาศัยพร้อมตกแต่ง ซึ่งห้องชุดมีตั้งแต่ 1-3 ห้องนอน ห้องดูเพล็กซ์ และเพนต์เฮาส์ ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 45-300 (ตารางเมตร) ตร.ม. ในแต่ละชั้นมี 3-13 ยูนิต ระดับราคาขายเริ่มต้นที่ 7.8-100 ล้านบาท ภายในโครงการมีพื้นที่เปิดหรือส่วนกลางกว่า 70% หรือมากกว่า 7,000 ตร.ม. โดย พราวฯ ได้แต่งตั้ง บริษัท ซีบีอาร์อี จำกัด ให้รับหน้าที่บริหารงานขาย คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค. 63 และมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปี 64
“นอกจากโครงการ อินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน แล้ว พราวฯยังมีทีดินสะสมประมาณ 5 ไร่ ซึ่งติดกับสวนน้ำวานานาวา หัวหิน ที่คาดว่าจะมีการนำมาพัฒนาโครงการใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเป็นคอนโด ขณะเดียวกันก็มีที่ดิน สะสมอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีแผนจะนำมาพัฒนาโครงการเช่นกัน ส่วนการพัฒนาโครงการในกทม.นั้น ในอนาคตคอนโด ที่มีแบรนด์โรงแรมบริหารด้วยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ” นางสาวพราวพุธ กล่าวว่า
ด้านนางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดที่พักอาศัยในตลาดหัวหิน ณ ปัจจุบันมีทิศทางตรงข้ามกับตลาดอสังหาฯใน กทม. ภายหลังจากดีมานด์และซับพลายในพื้นที่ปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุลย์ จากเดิมที่ช่วงก่อนหน้าตลาดหัวหินมีซับพลายคอนโดสะสมที่สูงกว่าดีมานด์ แต่หลังจากใช้ระยะเวลาในการระบายซับพลายมาช่วงหนึ่งทำให้ ในขณะนี้ซับพลายกับดีมานด์มีความสมดุลย์มากขึ้น โดยเฉาะซับพลายคอนโดติดหาด ซึ่งไม่มีซับพลายใหม่เข้าตาดมานาน เนื่องจากที่ดินติดชายหาดในใจกลางเมืองหัวหินนั้นหาไม่ได้แล้วในปัจจุบัน
“ตลาดคอนโดระดับลักชัวรี่ที่มีการบริหารจัดการโดยโรงแรมระดับโลก กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รัความนิยมในทั่วโลก ซึ่งในกทม.ได้มีการนำเทรนด์ดังกล่าวเข้ามาพัฒนาหลายโครงการและได้รับการตอบรับที่ดีมาก ขณะที่ตลาดที่พักอาศัยตากอากาศในหัวหินยังมีแนวโน้มที่ดี โดยมีความต้องการซื้อจากกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนโดติดชายหาด ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลตลาดอสังหาฯหัวหินพบว่าไม่ได้มีการพัฒนาโครงการติดชายหาดหัวหินมาเป็นเวลากว่า 11 ปีแล้ว เพราะที่ดินโดยมากถูกพัฒนาเป็นโรงแรมระดับห้าดาว และรีสอร์ทเป็นส่วนใหญ่ ส่งผลให้ 10 ปีที่ผ่านมา มีคอนโดใหม่ติดชายหาดเข้าสู่ตลาดเพียง 356 ยูนิต โดยส่วนใหญ่มียอดขายมากว่า 85% ขณะที่ราคาขายก็มีการปรับขึ้นมากว่า 10% ต่อปี จึงมั่นใจว่าโครงการนี้ จะสามารถปิดการขายได้ไม่น้อยกว่า 80% ก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ” นางสาวอลิวัสสา กล่าว