“สตาร์มาร์ค” ผู้นำชุดครัวและเฟอร์นิเจอร์ ปรับกลยุทธ์หลังภาวะตลาดอสังหาฯชะลอตัว เดินหน้าปี 63 รุกหนักขยายบริการออกแบบและตกแต่งครบวงจร เจาะ”รร.-อพาร์ตเมนต์-รพ.” หวังให้รายได้ตามเป้า 1,200 ล้านบาท เติบโตเพิ่ม 10%
นางสาวณัฐปภัสร์ ศรีสกุลภิญโญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์มาร์ค แมนูแฟคเเชอร์ริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า แม้ปัจจุบันภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีสัญญาณชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดมิเนียมที่จะยังมีแนวโน้มติดลบอยู่ก็ตาม แต่ทว่า ตลาดเฟอร์นิเจอร์ยังคงมีความต้องการซื้อ(ดีมานด์) จากกลุ่มลูกค้า B+ถึงA+ และความต้องการของนักลงทุนจากต่างประเทศอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะการเกิดใหม่ของกลุ่มที่พักและโรงแรม เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่้งในแผนธุรกิจของบริษัทในปี 2563 จะมุ่งมั่นในการพัฒนาเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง (Mass Interior System)
“ จริงๆแล้ว สตาร์มาร์ค ทำตลาดเกี่ยวกับการให้บริการตกแต่งโครงการโรงแรมมากว่า 8 ปีแล้ว โดยโครงการแรกที่เข้าไปตกแต่งเป็นโครงการของกลุ่มโรงแรมแกรนด์เซ็นเตอร์พ้อยท์ คือ โครงการ แกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ สุขุมวิท 55 ซึ่งเป็นการตกแต่งห้องพัก 498 ห้อง ใช้เวลาในระยะเวลาการเพียง 8 เดือน ส่งผลให้โรงแรมเปิดให้บริการเร็วกว่ากำหนดถึง 3 เดือน ทำให้เราเกิดความมั่นใจและเชื่อว่า จะสามารถให้บริการเพื่อตอบรับความต้องการของโครงการอื่นๆ ได้อย่างเดียว จึงวางเป้าหมายที่จะรุกการบริการตกแต่งโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์มากในปี 2563 ซึ่งที่ผ่านมาได้ขยายบริการไปสู่อีกหลายโครงการ เช่น โรงแรมในกลุ่มของเซ็นเตอร์พอยต์ โรงแรมไอบิส รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างเจรจาอีก 2-3 โครงการอีกด้วย มีทั้งโครงการมิกซ์ยูส เป็นต้น โดยตามแผน 3 ปี หรือในปี 2565 บริษัทจะมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าโครงการอยู่ที่ 50% และลูกค้าทั่วไปขยับมาอยู่ที่ 50%”นางสาวณัฐปภัสร์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีแผนในการปรับ Flagship Store ที่ CDC และโชว์รูมบางนา เพื่อรองรับลูกค้าสตาร์มาร์คอินทีเรียให้เข้าถึงบริการที่รวดเร็ว ทั้งนี้ บริษัทยังเตรียมการปรับกระบวนการภายใน พร้อมสร้าง Connect กับพาร์ทเนอร์ต่างๆเพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ในแผนธุรกิจปี 2563 บริษัทมีแผนในการบุกตลาดเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงให้น้ำหนักในกลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม นอกจากนี้บริษัทมีแผนในบุกตลาดในส่วนของโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เช่น โรงแรมเซ็นเตอร์พอร์ท โคราช เป็นต้น ส่งผลให้โครงสร้างรายได้มีการเปลี่ยนแปลงตามโมเดลธุรกิจที่วางไว้ โดยรายได้หลักยังมาจากโครงการคอนโดมิเนียม สัดส่วน 60% โครงการบ้านเดี่ยว 20% และผลจากการบุกตลาดโรงแรม และ เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ผลักดันให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 20% ส่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเตรียมจัดแคมเปญ ”Mega Bonus Sale” ส่งท้ายปี ซึ่งจะเป็นการนำสินค้าชุดครัว นำมาลดราคาสูงสุดกว่า 50% ณ โชว์รูม CDC เลียบด่วนรามอินทรา เซ็นทรัลบางนา ชั้น 5 และ โฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา บริษัทยังคงมีตัวเลขเป็นบวก ซึ่งมียอดขายที่รอบันทึกเป็นรายได้(แบ็กล็อก) กว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 62 ประมาณ 1,000 ล้านบาท และอีก 600 ล้านบาท ไปรับรู้รายได้ในปี 63 ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มลูกค้าโครงการที่ประมาณ 60% และ เป็นลูกค้าทั่วไปประมาณ 40% โดยลูกค้าในกลุ่มทั่วไป มีอัตราการเติบโตที่ดี จากยอดจำหน่ายผ่านโชว์รูม โมเดิร์นเทรด (สาขาโฮมโปรมียอดขายสูงสุด) และดีลเลอร์กว่า 80 สาขาทั่วประเทศและในกลุ่มเออีซี และคาดว่าด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว จะผลักดันให้บริษัทเติบโตเพิ่มระดับ 10%ในปี 2563.