“อีสเทอร์น สตาร์” เดินหน้าขยายลงทุนโครงการแนวราบ-คอนโดฯ โลวไรส์กรุงเทพ-ระยอง เล็งเปิด 3 โครงการมูลค่า 4,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 1,600 ล้านบาท เผยเล็งขาย-หาผู้ร่วมทุนพัฒนาที่ดินกว่า 600 ไร่ จ.ระยอง เหมาะทำนิคมอุตสาหกรรม
ดร. ต่อศักดิ์ เลิศศรีสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอีสเทอร์น สตาร์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (ESTAR) เปิดเผยว่า ในปี 2561 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะยังเติบโตได้ในทิศทางที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยงยังขยายตัวได้ดีเช่นกัน ขณะที่การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐก็ยังคงเดินหน้าต่อ ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ รถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางคู่, มอเตอร์เวย์, ทางด่วนเชื่อมวงแหวน ไปจนถึงโครงการ EEC ที่มีความชัดเจนมากขึ้นในด้านผังเมือง และแผนการพัฒนาด้านการคมนาคม ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ในจังหวัดระยอง
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2561 นี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ๆ ได้แก่ คอนโดมิเนียมโลวไรล์ ที่อยู่อาศัยแนวราบ จากเดิมที่เน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงเป็นส่วนใหญ่ ทั้งในกรุงเทพฯ และทำเล EEC โดยเฉพาะจังหวัดระยอง ที่บริษัทได้พัฒนาโครงการมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีแผนพัฒนา 3 โครงการ มูลค่าโครงการ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ที่ 1,600 ล้านบาท เติบโตขึ้น 50% จากปี 60 ที่มียอดขาย 1,026 ล้านบาท
ส่วนเป้าหมายรายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ต่ำกว่ารายได้ในปี 60 ที่บริษัทมีรายได้ที่สูงกว่าเป้าหมาย 2,000 ล้านบาท เป็น 2,500 ล้านบาท เพราะมีการโอนโครงการแนวราบมากกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ปีนี้บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 800-900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็น Backlog จากคอนโดมิเนียม AMBER แยกติวานนท์ ที่มียอดขาย 50% และเตรียมโอนในช่วงไตรมาส 3/61 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนกำหนดเริ่มโอน
สำหรับ 3 โครงการที่จะพัฒนาในปีนี้ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว “เวลาน่า กอล์ฟ เฮาส์” (VELANA Goft House) จ. ระยอง ซึ่งเป็นแบรนด์ใหม่ จำนวน 98 ยูนิต ราคาขาย 4-6 ล้านบาทต่อยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท โครงตั้งอยู่ภายในสนามกอล์ฟอีสเทอร์น สตาร์ แอนด์ รีสอร์ท อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นเจ้าของกิจการ ผู้บริหารบริษัท แพทย์ นักบิน วิศวกร และผู้จัดการโครงการต่าง ๆ ที่ทำงานในจังหวัดระยอง รวมถึงชาวต่างชาติ ซึ่งได้เปิดการขายไปแล้ว
ส่วนอีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการละประมาณ 1,500 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ ทำเล สุขุมวิท-พัฒนาการ เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯ โลว์ไรส์ 1 โครงการ ซี่งจะทยอยเปิดในไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ราคาขายตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่อาศัยจริง และมีความสามารถในการซื้อสูง อัตราการปฏิเสธสินเชื่อน้อยมาก ทำให้บริษัทมีความเสี่ยงในแง่ผลกระทบต่อผลการดำเนินงานน้อย
ดร. ต่อศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งทำเลในกรุงเทพฯ และระยอง สำหรับพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในอนาคต ส่วนที่ดินสะสมของบริษัทที่ จ.ระยอง ที่ปัจจุบันมีกว่า 10 แปลง พื้นที่ดินรวมกว่า 1,000 ไร่ บริษัทมีแผนที่จะทยอยพัฒนา ซึ่งระยองถือเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ และมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในระดับสูง
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขายที่ดินแปลงใหญ่ขนาดกว่า 600 ไร่ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม โดยที่ผ่านมา มีนักลงทุนได้มาเจรจาซื้อบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป หรือมีความเป็นไปได้ ที่บริษัทจะหาผู้ร่วมลงทุนพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม