กยศ. แจง ไม่เคยตั้งเงื่อนไขให้ผู้กู้ยืมเงินกองทุนฯ ต้องเปลี่ยนศาสนา และกู้ผ่านอิสลามแบงก์แทนแบงก์ออมสิน รวมทั้งไม่เคยมีข้อกำหนดจะยกหนี้ให้ผู้กู้ยืมที่ยอมเปลี่ยนศาสนาเพื่อเข้ามาเป็นมุสลิม เหตุ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้เผยแพร่คลิปในสื่อออนไลน์ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมผู้กู้ยืมจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ต้องกู้ยืมผ่านธนาคารอิสลาม ทำไมไม่กู้ผ่านธนาคารออมสิน และหากยอมเปลี่ยนศาสนา แล้วกยศ. จะยกหนี้ให้ จริงหรือไม่นั้น นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ. ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ กองทุนฯ เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยได้ว่าจ้างธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่บริหารจัดการเงินให้กู้ยืม ดังนั้น ผู้กู้ยืมจึงสามารถเลือกใช้บริการจากธนาคารกรุงไทยหรือธนาคารอิสลามได้ โดยไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้กู้ยืม
นอกจากนี้ กยศ. ยังได้ว่าจ้างธนาคารกรุงไทย เป็นผู้บริหารจัดการเงินกู้ยืมตั้งแต่ปี 2539 และต่อมาได้เพิ่มธนาคารอิสลามเป็นผู้บริหารจัดการเงินกู้ยืมตั้งแต่ปี 2553 เพื่อเพิ่มช่องทางในการให้บริการแก่ผู้กู้ยืม ซึ่งจากผู้กู้ยืมประมาณ 5.7 ล้านคนนั้น ใช้บริการผ่านธนาคารกรุงไทย 97% และผ่านธนาคารอิสลาม 3%
สำหรับกรณีที่มีการกล่าวว่าหากมีการเปลี่ยนศาสนาจะได้รับการยกหนี้นั้น ผู้จัดการ กยศ. ยืนยันว่า ไม่มีข้อกำหนดในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และอาจจะทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความสับสน ทางกองทุนจึงขอเรียนมาเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน