ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.35 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.19 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1 พันล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 600 ล้านบาท ขณะที่กระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายยังคงซึมลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับลดลงเล็กน้อยท่ามกลางกระแสข่าวการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ยังขาดความชัดเจน อย่างไรก็ตาม รายงานการประชุมวันที่ 29-30 ต.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ว่าเฟดไม่รีบที่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปทางใดทางหนึ่งหลังจากตัดสินใจลดดอกเบี้ยไปแล้วในการประชุม 3 ครั้งหลังสุด
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดจะยังคงให้ความสนใจกับประเด็นทางการค้าของสหรัฐฯ กับจีนท่ามกลางความตึงเครียดในฮ่องกง นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาสุนทรพจน์ของประธานเฟด ตัวเลขจีดีพี และการใช้จ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐฯ ก่อนที่การซื้อขายในตลาดการเงินจะเบาบางลงช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าท้ายสัปดาห์ ทั้งนี้ ตลาดจะให้ความสนใจกับยอดค้าปลีกวันBlack Fridayซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูกาลจับจ่ายใช้สอยประจำปี เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และนโยบายของเฟดต่อไป
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ยังคงจับตามองอยู่ที่ผู้ว่าการ ธปท.ให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ในระดับต่ำมากแล้วและเชื่อว่าไทยไม่ต้องใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบเพราะอาจจะนำมาซึ่งปัญหาเชิงโครงสร้าง แม้ว่าเงินเฟ้อจะไม่ใช่สิ่งที่กังวลแต่ความเสี่ยงของเสถียรภาพระบบการเงินมีมากขึ้น ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในระยะถัดไป ธปท.ประเมินว่าจะผันผวนมากขึ้น ทำให้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความเห็นของ ธปท.ที่ว่าเงินบาทในปัจจุบันแข็งค่ากว่าโครงสร้างและปัจจัยพื้นฐาน โดยได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอกที่คาดเดาไม่ได้ และ ธปท.จะทบทวนการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินให้ยืดหยุ่นเหมาะสมกับเศรษฐกิจ รวมทั้งจะทบทวนการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งท่าทีดังกล่าวทำให้คาดว่า ธปท. ต้องการใช้ทางเลือกนโยบายอื่นที่ไม่ใช่เครื่องมือดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ข้อมูลเศรษฐกิจที่ยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มอ่อนแอ เช่น ยอดส่งออกและนำเข้าเดือน ต.ค.ของไทยที่หดตัวมากกว่าคาด อาจสร้างแรงกดดันต่อผู้ดำเนินนโยบายการเงิน นอกจากนี้ ตลาดจะเฝ้าระวังหากมีการปรับกฎระเบียบเกี่ยวกับการดูแลค่าเงินบาทของ ธปท.รวมถึงทิศทางมาตรการด้านการคลังชุดใหม่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน
