TTA เผยกำไร Q3/62 เติบโต 340% จากงวดปีก่อน รับผลดีธุรกิจขนส่งทางเรือแกร่ง มองยังดีต่อเนื่องช่วงที่เหลือของปี
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/62 มีกำไรสุทธิ 652.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 340% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีรายได้รวม 3,887.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 46%, 21%, 17% และ 16% ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน เป็น 803.5 ล้านบาท นอกจากนี้ ในไตรมาสนี้มีกำไรจากการขายหุ้นบางส่วนของบริษัทย่อยแห่งหนึ่งอีกด้วย ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย, ภาษี, ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 223% จากไตรมาสก่อนเป็น 688 ล้านบาท
"ผลงานในไตรมาสนี้ออกมาได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มขนส่งทางเรือที่ยังคงรักษาการเติบโตและทำผลงานได้อย่างโดดเด่นต่อเนื่อง สำหรับกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง เมอร์เมด มาริไทม์ มีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 210 ล้านเหรียญสหรัฐ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/62 แม้จะได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันสูงในตลาด ส่วนกลุ่มเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังสามารถรักษาตำแหน่งในอุตสาหกรรมปุ๋ยได้ ภายใต้สภาวะการแข่งขันในตลาดที่มีความท้าทาย จากความพยายามในการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง" นายเฉลิมชัยกล่าว
นายเฉลิมชัยกล่าวอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือคาดว่าจะได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากดัชนีบอลติก (BDI) ที่ทำระดับสูงสุดในรอบเกือบ 6 ปีที่ 2,518 จุด ในไตรมาสที่ 3/62 สำหรับกลุ่มบริการนอกชายฝั่ง แม้ผลการดำเนินงานจะขาดทุน แต่ทีมคณะผู้บริหารและพนักงานยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในอนาคต เนื่องจากเมอร์เมด มาริไทม์ ยังคงมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบอยู่ในระดับสูง ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรจะมุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงเพื่อทำกำไรให้สูงขึ้นอีก ส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มยังคงดำเนินกลยุทธ์ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในไตรมาส 3/62 กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ โทรีเซน ชิปปิ้ง มีรายได้อยู่ที่ 1,783.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนวันให้บริการที่เพิ่มขึ้นของเรือเช่า โดยมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสที่แล้ว มาอยู่ที่ 12,180 เหรียญสหรัฐ/วัน สูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 11,886 เหรียญสหรัฐ/วัน ในขณะเดียวกัน อัตราการใช้ประโยชน์เรือที่กลุ่มธุรกิจเป็นเจ้าของยังคงอยู่ในระดับสูงถึง 100% ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินเรือ (OPEX) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 3,866 เหรียญสหรัฐ/วัน ทำให้ในไตรมาสที่ 3/62 โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงาน EBITDA อยู่ที่ 360.9 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 234.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 174% จากไตรมาสก่อน
ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งของ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์ มีรายได้จำนวน 825.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน อัตราการใช้ประโยชน์ของเรือทั้งหมดเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 83% จากประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 55.2 ล้านบาท แม้ว่าในไตรมาสที่ 3/62 เมอร์เมด มาริไทม์จะรายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 114.7 ล้านบาท บริษัทยังมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/62 ทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 210 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 186% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่ธุรกิจขุดเจาะซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัทร่วมแห่งหนึ่ง เรือขุดเจาะประเภท jack-up drilling rigs สเปกสูงจำนวน 3 ลำ มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในตะวันออกกลาง โดยมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือเฉลี่ยสูงถึง 100% สัญญา สำหรับเรือขุดเจาะนี้มีการขยายอายุสัญญาจำนวน 1 สัญญาออกไปอีก 3 ปี จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2565 ส่วนอีก 2 สัญญาที่จะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม ปี 2562 และเดือนเมษายน ปี 2563 จึงมีโอกาสได้รับการขยายสัญญาต่อเนื่องในอนาคต
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA) มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 628.1 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายปุ๋ยเชิงผสม NPK ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงรักษาระดับปริมาณขายปุ๋ยอยู่ที่ 43.2 พันตัน ปริมาณขายปุ๋ยในประเทศ ซึ่งคิดเป็น 78% ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมด เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนปริมาณการส่งออกปุ๋ยลดลง 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันด้านราคาจากผู้ผลิตปุ๋ยจากประเทศจีน เนื่องจากประเทศจีนมีการยกเว้นภาษีการส่งออกปุ๋ย ซึ่งเริ่มใช้มาตรการตั้งแต่ช่วงต้นปี
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาสที่ 3/62 PMTA รายงาน EBITDA อยู่ที่ 29.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA อยู่ที่ 5.9 ล้านบาท นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 3/62 PMTA มีรายได้จากธุรกิจบริการให้เช่าพื้นที่โรงงานและรายได้อื่นเท่ากับ 13.9 ล้านบาท
กลุ่มการลงทุนอื่น ในส่วนธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ บริษัท พีเอช แคปปิตอล จำกัด (PHC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ 70% เป็นผู้รับสิทธิแฟรนไชส์ พิซซ่า ฮัท เพียงรายเดียวในประเทศไทย ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 พิซซ่า ฮัทมีสาขาทั้งหมด 144 สาขาทั่วประเทศ และบริษัท สยาม ทาโก้ จำกัด (STC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ 70% เป็นผู้บริหารร้านทาโก้ เบลล์ (Taco Bell) ในประเทศไทย โดยทาโก้ เบลล์เป็นเชนร้านอาหารกึ่งเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากอเมริกา ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ทาโก้ เบลล์มีสาขาทั้งหมด 3 สาขา
ธุรกิจบริหารทรัพยากรน้ำ โดยบริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (AIM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ 80.5% เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรทางด้านการบริหารจัดการน้ำ AIM ยังได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ 66.7% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน AIM ได้เข้าร่วมประมูลโครงการของภาครัฐ โดยมีมูลค่าโครงการรวมกันมากกว่า 1,000 ล้านบาท