เลขาธิการ ก.ล.ต.เปิดแนวคิดส่งเสริมการลงทุนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมตั้งคณะทำงานบูรณาการทุกภาคส่วน แย้มร่างแผนแม่บทมัดรวมบล็อกเชน สมาร์ทคอนแทรกต์ เตรียมเสนอกองทุน CMDF หวังสร้างพื้นฐานของตลาดทุนไทย
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ก.ล.ต.มีโครงการนำดิจิทัลเข้ามาขับเคลื่อนการทำงานในยุคดิจิทัล หรือเรียกว่า Distributed Ledger Technology ( DLT ) ซึ่งที่ผ่านมา ก.ล.ต.ได้มีการตั้งคณะทำงานในส่วนนี้อยู่แล้ว โดยได้เชิญทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทยเข้ามาร่วมอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวจะนำเอาดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นบล็อกเชน สมาร์ทคอนแทรกต์เข้ามาใช้กับตลาดทุนไทย ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เช่น ตั้งแต่การออกเสนอขายหลักทรัพย์ทุกประเภทที่เป็นการขายในตลาดรอง ไม่ว่าจะเป็นหลักทรัพย์ในประเภทใดก็ตาม ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร โดยเป็นเรื่องการบริหารจัดการกองทุน และระบบ Clearing settlement ซึ่งเป็นโครงการที่เรียกว่าโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนไทย ก็เป็นจุดขายของบูทแสดงงาน ก.ล.ต.ไทย
ขณะเดียวกัน จากการออกงานแสดงนโยบายการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลด้านการลงทุน มีผู้คนให้ความสนใจบูท ก.ล.ต.เป็นจำนวนมาก โดยชู DLT เป็นจุดขายสำคัญ
"หลายๆ บูทนำเสนอจุดขายที่หนีไม่พ้นคำว่าบล็อกเชน และสมาร์ทคอนแทรกต์ ซึ่งวันนี้ก็เป็นโอกาสที่จะบอกและเปิดให้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมฟินเทค และอุตสาหกรรมดิจิทัล ในภาคการเงิน ได้เห็นแนวคิดของตลาดทุนไทย ในฐานะที่ ก.ล.ต.เป็นผู้กำกับดูแลการลงทุน และเป็นตัวแทนของทุกภาคส่วนในตลาดทุน และยังเป็นโอกาสดีที่ ก.ล.ต.ได้ชวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 4 บริษัทมาร่วมนำเสนอ ได้แก่ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจการเงิน ได้ร่วมลงทุนเข้าร่วมจัดบูทแสดงภายในสำนักงานด้วย"
ทั้งนี้ หน่วยงาน SME ไทยที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ได้แก่ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจการเงิน ได้ร่วมลงทุนเข้าร่วมจัดบูทแสดงภายในสำนักงานด้วย ได้แก่ สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน 1. บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด ระบบ mobile point of sale (mPOS) สำหรับธนาคารชั้นนำทั้งไทย และต่างประเทศ 2. บริษัท สมาร์ทคอนแทรค (ไทยแลนด์) จำกัด ระบบสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้หลักการบันทึกธุรกรรมในบล็อกเชนเพื่อการเข้าถึงและตรวจสอบได้ สมาพันธ์เอสเอ็มอี 1. บริษัท GB Prime Corporation Co.,Ltd ระบบชำระเงินออนไลน์ 2. บริษัท GLOBAL FINTECH CO.,LTD. All in one Fintech for SMEs ที่ทำในเรื่องของดิจิทัลเทคโนโลยีเป็นผลิตภัณฑ์ หรือเป็นสินค้า
อย่างไรก็ตาม จากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้ประกอบการ SME สมาคมผู้ร่วมลงทุน หรือ Venger capital ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานของตนเองได้มากขึ้น ก.ล.ต.จึงให้ 2 สมาคมเป็นผู้เลือกบริษัทที่จะมาจัดแสดงสินค้าและบริการในงานสิงคโปร์ฟินเทค เฟสติเวล โดยกำหนดให้เลือกมาสมาคมละ 2 บริษัท เพื่อให้มานำเสนอผลิตภัณฑ์ในงาน โดยจะเห็นได้ว่าเป็นบริษัทที่ทำในเรื่องของสมาร์ทคอนแทรกต์ และออนไลน์เพย์เมนต์ รวมถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลของธุรกิจเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ ในงานสัมมนา FINTECHEXPO2019 ได้มีการกล่าววิสัยทัศน์ของผู้ว่าการธนาคารกลางสิงคโปร์ ซึ่งได้บรรยายพิเศษถึงคำนิยามฟินเคทไว้ 3I ได้แก่ 1. Inclusion หรือการเข้าถึง และครอบคลุม 2. innovation หรือนวัตกรรม และ 3. Inspiration หรือ แรงบันดาลใจ ซึ่งตรงกับการทำงานในเชิงรุกด้านการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงบทบาทของ ก.ล.ต. โดยเฉพาะเรื่องของการสนุบสนุน การพัฒนา และการทำให้ทุกคนมีอินโนเวทีฟทิงกิ้ง ให้เข้ามานำเสนอในส่วนของการกำกับดูแล ก็ต้องทำตามหลักของการทำงาน
"ก.ล.ต.อยากให้ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนรู้จักกระบวนการทำงานของ ก.ล.ต.มากขึ้น โดยตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงบ่ายมีผู้ที่สนใจเข้าชมการแสดงในบูทของ ก.ล.ต.เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 50 รายแล้ว ซึ่งจะช่วยทำให้ตลาดทุนไทยอยู่บนพื้นที่ของตลาดทุนโลกได้ และมีศักยภาพมากขึ้น และอยากให้ผู้ที่เข้าร่วมงานทุกราย หลังจากกลับแล้วก็นำความรู้จากเวทีวิชาการต่างๆ ไปใช้ประกอบการกำหนดนโยบาย การพัฒนา และกำกับดูแลต่อไป"
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า ก.ล.ต.จะมีการประชุมนัดพิเศษว่าด้วยแผนขับเคลื่อนพิเศษของ ก.ล.ต.ในปี 2563-2565 ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นเรื่องของดิจิทัล ซึ่งจะนำความรู้ที่ได้จากงานในครั้งนี้ไปวิเคราะห์กับสิ่งที่ได้มีการร่างแผนงานไว้อยู่แล้วว่าจะสอดรับหรือสอดคล้องได้หรือไม่
ขณะที่นางสาวอาชินี ปัทมะสุคนธ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายนโยบายธุรกิจตัวกลาง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ในเรื่องของเทคโนโลยีดีแอลทีจะเป็นประโยชน์ต่อตลาดทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากในอดีตตลาดทุนมีการใช้งานเอกสารค่อนข้างมาก และมีการตรวจสอบที่ซ้ำซ้อน รวมถึงบางครั้งก็ยังเกิดการตรวจสอบคลาดเคลื่อน อาทิ ขั้นตอนการตรวจสอบต่างๆ เพราะมีขั้นตอนจำนวนมากที่จะต้องทำในตลาดทุนไทย โดยเทคโนโลยีดังกล่าวจะเข้ามาช่วยลดปัญหาความซ้ำซ้อนในการทำงานได้ ซึ่ง ก.ล.ต.ได้มีการกำหนดเรื่องดังกล่าวไว้อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของ ก.ล.ต. รวมถึงอยู่ในแผนพัฒนาตลาดทุนไทยร่วมด้วย โดยจะมีการขอเงินทุนจากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (ซีเอ็มดีเอฟ) ซึ่งได้เตรียมยื่นเรื่องเสนอการของบลงทุนในเดือนธันวาคม 2562 แต่ยังไม่ได้มีการพิจารณาในด้านของตัวเลขที่ต้องการ โดย ก.ล.ต.จะมีการแถลงข่าวในส่วนพิมพ์เขียว (บลูพรินต์) ของแคปปิตอลมาร์เกตทั้งหมดในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้