xs
xsm
sm
md
lg

โฮมโปรโชว์ DC ระบบอัตโนมัติเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บสินค้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล
โฮมโปรโชว์ DC ระบบอัตโนมัติ พื้นที่ 45,000 ตร.ม. หลังทุ่มงบลงทุนไปกว่า 2,000 ล้านบาท รองรับได้ถึง 150 สาขา ชี้ช่วยระบบรับ จัดเก็บ กระจายสินค้ามีประสิทธิภาพสูง ลดพื้นที่จัดเก็บ ลดความสูญเสีย ส่งของเร็ว

นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทตัดสินใจลงทุนสร้างศูนย์กระจายสินค้า หรือ Distribution Centre : DC ระบบอัตโนมัติ ในปี 2560 ด้วยเม็ดเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท โดยใช้พื้นที่ 45,000 ตารางเมตร ของศูนย์กระจายสินค้าฯ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา บนที่ดินทั้งหมด 250 ไร่ โดยเม็ดเงินลงทุน 2,000 ล้านบาทดังกล่าวแบ่งเป็นค่าระบบจัดเก็บอัตโนมัติ 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บของไดฟุกุ จากประเทศญี่ปุ่น ระบบดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับสินค้า จัดเก็บ จัดส่งและกระจายสินค้าไปยังสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงจัดส่งสินค้าไปยังบ้านลูกค้าได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ศูนย์กระจายสินค้านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น ตั้งแต่การรับสินค้าได้รวดเร็วด้วยระบบอัตโนมัติ มีรางส่งสินค้าและแขนกลสำหรับนำสินค้าขึ้นเก็บ รวมไปถึงนำสินค้าออกจากชั้นเพื่อจัดส่งไปยังสาขาโฮมโปร เมกา โฮม ทั่วประเทศ ส่งผลให้สามารถลดเวลาในการจัดเก็บลง 55% ลดเวลาเบิกจ่ายสินค้า 66% ร่นระยะเวลาการขนส่งสินค้าจากแบบเดิมในกรุงเทพฯ และปริมณฑลใช้เวลา 2 วัน เหลือ 1 วันถึง 1 วันครึ่ง ส่วนในต่างจังหวัดจาก 3 วันเหลือ 2 วัน

นอกจากนี้ ยังช่วยลดอัตราการเสียหายที่เกิดจากการจัดเก็บจาก 0.007 เหลือ 0.001% หรือแทบไม่เกิดความเสียหายเลย โดยใช้พนักงาน 320 คน ซึ่งหากเป็นระบบจัดเก็บทั่วไปจะใช้พนักงานถึง 460 คน สำหรับศูนย์กระจายสินค้าของโฮมโปร อ.วังน้อย มีพื้นที่ทั้งหมด 250 ไร่ พื้นที่คลังสินค้า 205,177 ตร.ม. มีพนักงานประมาณ 1,300 คน ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง DC อัตโนมัติสามารถขนส่งพาเลท ได้มากถึง 135-140 พาเลท/ชั่วโมง ส่งสินค้า 350,000 ชิ้น/วัน

DC
นายคุณวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบัน DC ของโฮมโปร สามารถรองรับสาขาของโฮมโปรได้มากถึง 150 สาขา ซึ่งปัจจุบันมี 112 สาขา หรือรองรับไปได้อีกประมาณ 6 ปี ซึ่งระบบดังกล่าวจะทำให้สินค้าไม่ขาดสต๊อก การขนส่งเร็ว การบริการดีขึ้นช่วยให้การขายดีขึ้น ซึ่งเงินลงทุน 2,000 ล้านบาทดังกล่าวคาดว่าจะคืนทุนภายในเวลา 6 ปี

“DC ของบริษัทก็เหมือนหน่วยพลาธิการของทหาร ต้องคอยซัปพอร์ตเสบียง อาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้การสนับสนุนทหารที่ออกรบ ทหารออกรบ 1 นาย จะมีหน่วยสนับสนุนประมาณ 6 คน เพื่อทำให้ทหารคนนั้นยิงปืนได้แม่นที่สุดไม่พลาดเป้า ก็เหมือนกับภาคธุรกิจที่จะต้องมีหน่วยสนับสนุน เพื่อให้การขายมีประสิทธิภาพ สร้างยอดขายได้มากขึ้น” นายคุณวุฒิกล่าว


นอกจากนี้ บริษัทเปิดให้คู่ค้าของบริษัทที่ปัจจุบันมีกว่า 1,000 ราย สามารถเช่า DC ของบริษัทเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง แทนที่คู่ค้าจะสั่งสินค้ามาจัดเก็บไว้ในโกดัง หรือคลังสินค้าของตนเองและค่อยขนส่งมาที่ DC ของโฮมโปร ก็สามารถนำมาจัดเก็บที่ DC ของโฮมโปรเลย ซึ่งทาง DC จะเป็นผู้จัดส่งไปยังสาขาโฮมโปร และบ้านของลูกค้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งและจัดเก็บไปกว่า 50% และยังเป็นการเพิ่มให้โฮมโปรอีกทาง

นายคุณวุฒิ กล่าวต่อว่า ในปี 2563 ยังไม่เห็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจ ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ดังนั้น จะต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของการลงทุน โดยในส่วนของโฮมโปรจะยังไม่หยุดขยายสาขา แต่จะเลือกลงทุนในทำเลที่มีศักยภาพจริงๆ มีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน

สำหรับทิศทางการเติบโตของบริษัทปีนี้ ด้านรายได้คาดเติบโตได้เล็กน้อยจากปีก่อนที่มีรายได้รวมกว่า 66,049 ล้านบาท ขณะที่ด้านกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบได้กว่าปีก่อนเช่นกัน ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และเมกาโฮมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่รายได้ค่าเช่าและบริการที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขายสินค้าที่มีกำไรสูงขึ้น


สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 50,493.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,634.89 ล้านบาท หรือ 3.35% และมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 4,428.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 501.87 ล้านบาท หรือ 12.78% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย จำนวน 47,046.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,325.80 ล้านบาท หรือ 2.90% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และเมกา โฮม รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่จากธุรกิจโฮมโปร และรายได้ค่าเช่าและบริการ 1,951.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203.37 ล้านบาท หรือ 11.63% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และพื้นที่ให้เช่าของสาขาโฮมโปร และพื้นที่เช่าจากการจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคู่ค้า และรายได้จากค่าบริการ “Home Service” และมีรายได้อื่นอีก 1,496.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.72 ล้านบาท หรือ 7.60% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้า ดอกเบี้ยรับ และรายได้เบ็ดเตล็ด

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 12,496.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 542.68 ล้านบาท หรือ 4.54% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 26.15% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.56% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพวางแผนการจัดซื้อสินค้าของธุรกิจโฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย


ในไตรมาส 3 ปี 2562 มีความกังวลต่อเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง การขยายตัวของเศรษฐกิจต่ำกว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากผลกระทบจากสภาวะการกีดกันสงครามทางการค้าและเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกสินค้าได้รับผลกระทบตามเศรษฐกิจคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลง เริ่มส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอุปสงค์ในประเทศ การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากรายได้และการจ้างงานที่ปรับลดลงโดยเฉพาะในภาคการส่งออก ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและราคาสินค้าการเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ สำหรับภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง รวมถึงผลกระทบจากฤดูฝน และอุทกภัยที่ภาคอีสาน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการชิมช้อปใช้ เป็นต้น

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสนี้ถือเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจค้าปลีก ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น ตัวเลขด้านเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงต่ำสุดในช่วง 38 เดือนที่ผ่านมา และอุทกภัยในต่างจังหวัด รวมถึงยอดขายสินค้ากลุ่มโทรทัศน์ที่สูงผิดปกติในช่วงไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ทำให้การเติบโตของยอดขายในไตรมาสที่ 3 ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า เช่น งานโฮมโปร แฟร์ (HomePro Fair) ที่เมืองทองธานี และที่หาดใหญ่ รวมถึงกิจกรรม “ฉลองครบรอบ 23 ปี Anniversary Day” ในช่วงวันที่ 29 สิงหาคม-29 กันยายน 2562 เพื่อกระตุ้นยอดขายอีกด้วย

นายคุณวุฒิ กล่าวถึงการเติบโตของบริษัทย่อยว่า เมกา โฮม มียอดขายทรงตัว ส่วนธุรกิจโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซียยังได้รับผลกระทบจากยอดขายที่สูงผิดปกติในปี 2561 จากการยกเลิกภาษี GST อย่างไรก็ตาม บริษัทย่อยมีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานต่างๆ ผ่านการปรับปรุงด้านอัตราการทำกำไรขั้นต้น และการบริหารค่าใช้จ่าย

“สำหรับการขยายสาขาในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯ ได้ขยายสาขาใหม่ 2 แห่ง ที่โฮมโปร สาขามุกดาหาร และโฮมโปรเอส สาขาสามย่านมิตรทาวน์ ส่งผลให้ ณ ไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 บริษัทฯ มีสาขาโฮมโปร 84 สาขา และ ฮมโปรเอส 9 สาขา เมกา โฮม 12 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา” นายคุณวุฒิ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น