อสมท.ปรับโครงสร้างต่อยอดรายได้ธุรกิจ จับมือพันธมิตรผุดตลาดซื้อขายหนุน SME เชื่อมโยงระบบ Online Platform เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท (MCOT) กล่าวถึงแผนพัฒนาธุรกิจใหม่ของ อสมท.ว่า บริษัทฯ ได้ลงนามร่วมกับกลุ่มบริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น เพื่อดำเนินธุรกิจในโครงการ MCOT MART บนพื้นที่ 300 ตารางเมตร ซึ่งเชื่อมโยงกับโครงการตลาดต่อยอด เออีซี เทรดเซ็นเตอร์ (AEC Trade Center) เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมภาพผู้ประกอบการ SMEs โดยนอกจากจะเปิดให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการส่งออกสินค้า ได้จับจองพื้นที่จำหน่ายสินค้า โดยปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการที่สนใจจองพื้นที่ ในโครงการ MCOT MART แล้วกว่า 100 ราย และยังสามารถนำสินค้าขึ้นสู่ระบบ Online Platform เพื่อเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน โดยจะมุ่งเน้นในประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก หรือมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น อินโดนีเซีย, อินเดีย, จีน, แอฟริกา รวมถึงกลุ่มประเทศภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นต้น คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในไตรมาส 4/2561
" การดำเนินโครงการ MCOT MART จะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป ซึ่งประเมินว่าในปีแรกจะมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของรายได้จากธุรกิจใหม่และเป็นไปตามแผนการพัฒนาธุรกิจเพื่อลดการพึงพารายได้จากการขายโฆษณาของสื่อทีวีและวิทยุ นอกจากนี้บริษัท ฯ วางแผนที่จะกระจายรายได้ในธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากธุรกิจดังกล่าวแล้ว บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์อีกจำนวน 1 ราย เพื่อร่วมมือกันทางธุรกิจ ในลักษณะที่ MCOT จะเป็นผู้ดูแลด้านวิศวกร คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของการร่วมมือกันในเร็ว ๆ นี้ เพื่อหวังว่าจะพลิกฟื้นผลประกอบการที่ขาดทุนให้กลับมามีกำไร "
ขณะเดียวกันในส่วนของความคืบหน้าการพัฒนาที่ดินบริเวณศูนย์วัฒนธรรม ฯ และสำนักงานใหญ่อสมท. จำนวน 2 แปลง เนื้อที่กว่า 70 ไร่ ขณะนี้ได้ที่ปรึกษาจัดทำรายละเอียดพัฒนารูปแบบโครงการดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายใน 2 เดือนนี้ และหลังจากนั้นจะนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัท ฯ และกระทรวงการคลัง เพื่อเข้าสู่กระบวนการร่วมมือในรูปแบบภาครัฐ - ภาคเอกชน (PPP) ตามระเบียบให้แล้วเสร็จภายใน 48 เดือน และสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายใน ปี 2564 ขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจรากับผู้ที่สนใจร่วมลงทุนรวม 10 ราย โดยจะเป็นบริษัทในต่างประเทศจำนวน 3 ราย ได้แก่ จีน เกาหลี และอังกฤษ
อย่างไรก็ดีในส่วนของแผนการดำเนินงานในครึ่งหลังปี 2561 บริษัท ฯ เตรียมปรับผังรายการใหม่ จากการนำรายการใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติม เช่น รายการโลกตะลึง รายการสารคดี ที่จะออกอากาศทุกวันจันทร์ - ศุกร์ และรายการข่าวทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ข่าวภาคค่ำ ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของผู้ประกาศหน้าใหม่ และบุคลากรรุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาดำเนินรายการมากขึ้น รวมถึงรายการวาไรตี้ใหม่ ๆ ที่จะเพิ่มเข้ามาอีก 2-3 รายการ โดยจะมีการปรับภาพลักษณ์ของช่องให้มีความทันสมัย มีรสนิยม มีเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานมากขึ้น โดยบริษัทฯ คาดหวังว่าจะช่วยลดช่องว่างเวลาโฆษณาลงเหลือ 40% ได้ จากปัจจุบันที่มีเวลาโฆษณาเหลือสูงถึง 70% นอกจากการปรับผังรายการแล้ว และได้มีการแก้ไขปัญหาเวลาโฆษณาเหลือ โดยบริษัทฯ เตรียมที่จะเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ด้วยการนำสินค้าอื่นๆ เข้ามาทดแทน เช่น การนำสินค้าจากโครงการ MCOT MART มาโฆษณาผ่านทางช่อง 14 และช่อง 30 เพื่อกระตุ้นการใช้สื่อโฆษณาในช่องดังกล่าวมากขึ้น
"ภายในระยะเวลา 5 ปี บริษัทมีเป้าหมายที่จะเป็นหุ้นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมไทย ซึ่งได้มีการจับมือร่วมกันกับพันธมิตร ในการดำเนินธุรกิจใหม่นอกเหนือจากธุรกิจสื่อที่ทำอยู่เดิม โดยบริษัท ฯ ยังมองโอกาสเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายรายได้ไปในธุรกิจใหม่ ๆ และลดการพึ่งพารายได้จากค่าโฆษณา ซึ่งปัจจุบันรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่ Broadcast ยังมีไม่ถึง 1%"