การประกาศรวมกลุ่มพันธมิตร เข้าร่วมประมูลบริหารพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิ ของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เป็นการส่งสารท้ารบถึง บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของสัมปทานในปัจจุบันโดยตรง และถ้า BA โดดเข้าร่วมประมูลจริง จะเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกับคิง เพาเวอร์
สัมปทาน ดิวตี้ฟรี หรือร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิ จะหมดสัญญาในเดือนกันยายน 2563 โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จะเปิดประมูลในปลายปีนี้
บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด เป็นเจ้าของ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยกลุ่มนายแพทย์ประเสริฐ ปราสาททองโอสถ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
หุ้น BA เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2557 หลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนทั่วไปในราคา 25 บาท แต่ผลประกอบการไม่สดใสนัก ทำให้ราคาหุ้นซึมลงต่อเนื่อง ล่าสุดวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมาปิดที่ 12.50 บาท/หุ้น ต่ำกว่าราคาหุ้นที่เสนอขายนักลงทุนครั้งแรก 50 %
ธุรกิจสายการบินไม่สามารถทำกำไรได้ดีในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และหุ้นสายการบินหลายแห่งไม่สดใสนัก หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้นักลงทุนขาดทุนกันถ้วนหน้า
กลุ่มปราสาททองโอสถจึงต้องดิ้นรนหารายได้เสริม เพื่อขับเคลื่อนผลประกอบการ และการประกาศประมูลดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิ
กระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร จนราคาหุ้น BA ขยับขึ้นตอบรับข่าว
รายได้จากร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินสุวรรณภูมิ สร้างรายได้ปีละประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เก็บเกี่ยวกำไรปีละประมาณ 3,000 ล้านบาทติดต่อกันหลายปี
“วิชัย ศรีวัฒนประภา” ผู้ถือหุ้นใหญ่คิง เพาเวอร์ ที่ก้าวขึ้นมาติดอันดับมหาเศรษฐีเบอร์ต้น ๆ ของประเทศไทย ก็เพราะความมั่งคั่งจากดิวตี้ฟรี จึงหวงสัมปทานเหมือนไข่ในหิน
ไม่ยอมปล่อยมือง่าย ๆ แม้แต่ “ล็อตเต้” ผู้บริหารดิวตี้ฟรีจากเกาหลีใต้ ยังไม่มีพื้นที่ร้านค้าปลอดภาษีให้ตั้ง
แม้จะหวงแหนดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภูมิเพียงใด แต่สมบัติใด ๆ ในโลก ล้วนมีไว้เพื่อผลัดกันชม
เพียงแต่กลุ่มปราสาททองโอสถ จะแย่งดิวตี้ฟรีมาชมได้หรือไม่เท่านั้น
BA มีประสบการณ์การบริหารดิวตี้ฟรีในสนามบิน ประกอบด้วยสนามบินสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี สนามบินอู่ตะเภา สัตหีบ และสนามบินหลวงพระบาง ประเทศลาว แต่เนื่องจากเป็นสนามบินขนาดเล็ก จึงมีรายได้เพียงปีละประมาณ 10 ล้านบาท ไม่ถึง 1% ของรายได้รวมบริษัทที่มีประมาณ 30,000 ล้านบาท
ถ้าคว้าชัยชนะประมูลดิวตี้ฟรี มาจากมือของ คิง เพาเวอร์ได้ รายได้จากการบริหารดิวตี้ฟรี จะพุ่งทะยาน และทำให้รายได้รวมของ BA เติบโตอย่างก้าวกระโดด ราคาหุ้นคงจะวิ่งกันระเบิดเถิดเทิง
แต่กลุ่มนายแพทย์ประเสริฐจะทำได้หรือเปล่า
ถ้าเทียบกับเงินทุน เครือข่ายธุรกิจ หรือแม้แต่สายสัมพันธ์ทางการเมือง นายแพทย์ประเสริฐไม่ได้ด้อยไปกว่ากลุ่มนายวิชัย พอที่จะปะหมัดกันได้
ส่วนแบ่งรายได้จากดิวตี้ฟรี คิง เพาเวอร์ เสนอให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย ประมาณ 20 % จากเดิมที่เคยแบ่งรายได้ 15 % โดยอัตราส่วนแบ่งรายได้ จะเป็นอีกเงื่อนไขสำคัญในการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรี และเชื่อว่า การเปิดประมูลรอบใหม่ อัตราส่วนแบ่งรายได้ น่าจะสูงกว่า 20 %
การประมูลดิวตี้ฟรี ในสนามบินสุวรรณภูมิที่รอบใหม่ สนุกชนิดมันหยดติ๋งแน่ เพราะคิง เพาเวอร์เจอคู่แข่งที่จะประมาทไม่ได้ พลาดนิดเดียว สูญเสียที่มั่นทางการเงินง่าย ๆ
แต่กลุ่มปราสาททองโอสถ คงทุ่มสุดตัว ออกแรงสุดกำลัง เพราะดิวตี้ฟรี ดูจะเป็นช่องทางเดียวในขณะนี้ ที่จะช่วยปลุกให้หุ้น BA ฟื้น
(สั่งจองหนังสือ “หุ้นวายร้าย” ราคาเล่มละ 190 บาท จากราคาเต็ม 240 บาท โทร. 0-2629-2700 , 08-2782-8353 , 08-2782-8356 )
